บทที่ 27
ศีลแก้บาปคือศีลแห่งการคืนดี

จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญของศีลแก้บาปและผลดีที่เกิดขึ้น
จะได้ไปรับศีลนี้ด้วยความยินดี

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

 ให้นักเรียนร้องเพลง “สายสัมผัส” (ปรารถนาหน้า 180 เอ)
 เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันนับดูว่ามีคำ “สัมผัส”ในเพลงนี้กี่ครั้ง

สายสัมผัส

 1. พระสัมผัสเราทุกวัน    พระยึดมั่นในพระสัญญา
  อยู่ที่ใดทรงเมตตาปรารถนาพาสู่ราชัย  จึงสัมผัสเราทุกวัน
  (รับ)  อาศัยความตายเสียงร้องไห้เศร้าโศก
   สิ่งนี้ได้ช่วยโลกที่มืดมนพ้นสู่แสงสว่าง
 2. ขอสัมผัสพระทุกวัน    ขอผูกผันมั่นฤทัย
  ข้าได้พบองค์ทรงชัยสุขเพียงใดใจรู้ดี  เป็นสัมพันธ์ว่ารักพระจริง
 3. ใครสัมผัสพระทุกวัน    เป็นสัมพันธ์ว่ารักพระจริง
  ยามได้พบและพักพิงไม่ประวิงในสิ่งทุกข์ทน จึงสัมผัสพระทุกวัน

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

 คำว่า “สัมผัส” หมายความว่าอย่างไร?
          คือการที่คนตั้งแต่สองคนขึ้นไปมาพบกัน มารู้จักกัน มาจับมือกัน มาเป็นเพื่อนกัน ดังที่เราเห็นปฏิบัติกันในธรรมเนียมสากลอยู่บ่อย ๆ
          ครูให้นักเรียนมาแสดงการพบกัน จับมือกัน และทักทายกันเป็นตัวอย่าง
สรุป “สัมผัส” เป็นการแสดงความใกล้ชิดสนิทสนม เป็นเครื่องหมายของมิตรภาพซึ่งนำมาความสุขความยินดีมาให้ 

ขั้นที่ 3 คำสอน

           1. มิตรย่อมดีกว่าศัตรู เมื่อเราทำบาปเรากลับเป็นศัตรูกับพระเป็นเจ้า เราเหินห่างจากพระเป็นเจ้า เราเหินห่างจากพระเป็นเจ้า เราปฏิเสธที่จะจับมือเป็นเพื่อนกับพระองค์ เราหันหลังให้พระองค์ การทำเช่นนี้ดีหรือไม่? จะเกิดผลอะไรตามมา? ทุกคนคงตอบว่าไม่ดี เพราะผลที่ตามมาก็คือการเป็นศัตรู ความทุกข์ ความวิตกกังวล จิตใจไม่เป็นสุข และถ้าคงอยู่ในสภาพนี้นาน ๆ จนถึงวันตาย เราก็ต้องตกนรก อยู่ห่างจากพระเป็นเจ้าไปชั่วนิรันดร์

           2. จากเพลง “สายสัมผัส” ที่เราร้องเมื่อสักครู่ มีคำว่า “พระสัมผัสเรา” และ “เราสัมผัสพระ” อยู่หลายครั้ง เตือนให้เราคิดว่า เราต้องเป็นมิตรกับพระจึงจะดี ใจเราจึงจะมีความสุข เราจึงควรหันกลับมาหาพระเป็นเจ้าเป็นคนแรก เพราะเราเป็นคนหันไปจากพระองค์เพราะบาป

           3. พระเยซูคริสต์ทรงตั้งศีลแก้บาปขึ้นเพื่อช่วยเราในเรื่องนี้ พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ หรือวรสาร มีบันทึกไว้ว่า “ค่ำวันอาทิตย์ พวกสาวกเข้าไปชุมนุมกันในห้อง ปิดประตูเพราะกลัวพวกยิว พระเยซูคริสต์ประจักษ์มาหาพวกเขา ทรงระบายลมหายใจลงเหนือพวกเขากล่าวว่า “จงรับพระจิตเจ้า ถ้าท่านยกบาปให้ใคร บาปของคนนั้นก็จะถูกยกเสีย ถ้าท่านไม่ยกบาปให้ใคร บาปของคนนั้นก็จะไม่ได้รับการยก” (ยน.20,19-23) พระองค์ทรงมอบอำนาจให้พวกสาวกสามารถยกบาปได้

           4. ความหมายของการยกบาปก็คือ ยกโทษ ไม่เอาผิด แลนำคนบาปให้มาสัมผัสพระเป็นเจ้าเสียใหม่ มาจับมือกับพระองคืมาเป็นเพื่อนกับพระองค์ เราเรียกการกระทำดังนี้ว่า  การคืนดีกับพระเป็นเจ้า แล้วผลที่ตามมาก็คือความสุข สงบ สันติที่เกิดขึ้นในใจ

           5. นอกจากคืนดีกับพระเป็นเจ้าแล้ว ศีลแก้บาปยังทำให้เราหันมาคืนดีกับเพื่อนมนุษย์ด้วย เพราะบาปที่เราทำส่งผลกระทบถึงเพื่อนมนุษย์เสมอ ทำให้สายสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์จืดจางลง เมื่อเรารับศีลแก้บาปสิ่งเหล่านี้ก็ได้รับการเยียวยาให้หาย เรากับเพื่อนมนุษย์ก็กลับมาคืนดีกัน มามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันดังเดิม หรือดีกว่าเดิม
 
ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
1. ศีลแก้บาปคืออะไร?
ตอบ  ศีลแก้บาปคือศีลศักดิ์สิทธิ์ที่ยกบาปของเรา ทำให้เราคืนดีกับพระเป็นเจ้าและกับเพื่อนมนุษย์อีก
2. ผลของศีลแก้บาปคืออะไร?
ตอบ  ผลของศีลแก้บาปคือความสุขใจที่ได้กลับมาคืนดีกับพระเป็นเจ้าและกับเพื่อนมนุษย์ และเป็นมัดจำของความสุขนิรันดรในสวรรค์
ข. กิจกรรม
        ร้องเพลง “สายสัมผัส” อีกครั้งหนึ่งด้วยใจศรัทธาและซาบซึ้ง
ให้นักเรียนยืนเป็นวงกลม แสดงการคืนดีกันด้วยการจับมือกันรอบวงแล้วร้องเพลง “สามัคคีชุมนุม” หรือเพลง “หนึ่งเดียวใจเดียว” (ปรารถนา หน้า 206)

หนึ่งเดียวใจเดียว

 รับ หนึ่งเดียวใจเดียวหนึ่งเดียวร่วมเกลียวสัมพันธ์
  สมัครสมานจับมือกันเดินหน้าไป
  สู่ที่หมายใฝ่ใจคือความสามัคคี
  ร่วมยินดีที่เรามีจิตใจเดียวกัน
 1. ตั้งใจจะร่วมทุกข์ร่วมสุขทุกครา
  จะเชิดชูความหมายแห่งชีวิตเรา
  ยามทุกข์ยามเศร้าเราเคล้าคลอให้น้ำใจ
  แม้วันห่างไกลจำฝันใจส่งถึงกัน
 2. พวกเราทั่วกันล้วนร่วมศาสน์ชาติไทย
  ใช่อื่นไกลเป็นน้องพี่ควรชิตใกล้
  ผิดนิดพลาดหน่อยจงยกไปไม่ถือทัณฑ์
  สองมือเกี่ยวกับเธอฉันเราพี่น้องกัน