บทที่ 21
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้นำทางของเรา

จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนเกิดความไว้วางใจในพระเยซูคริสต์และปรารถนาจะติดตามพระองค์

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

 เล่นเกม “ผูกตาเดินผ่านอุปสรรค”
        วิธีเล่น หาอาสาสมัครนักเรียนสัก 3-4 คู่ เล่นทีละคู่ คู่แรกให้คนหนึ่งผูกตา อีกคนหนึ่งคอยเป็นพี่เลี้ยงบอกทาง
         กติกา พี่เลี้ยงต้องพยายามบอกทางให้เพื่อนที่ผูกตาเดินผ่านอุปสรรค คือ เก้าอี้ที่วางระเกะระกะ ให้ไปถึงเส้นชัยโดยปลอดภัย ห้ามจูง ผลัก ดัน สะกิด ฯลฯ อนุญาตให้พูดบอกคู่อื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

ครูถามคนที่ผูกตาว่า
 -รู้สีกอย่างไรเมื่อผูกตา?
 -รู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเดินผ่านอุปสรรค?
 -รู้สึกอย่างไรเมื่อฟังพี่เลี้ยงบอกทาง?

ครูถามพี่เลี้ยงว่า
 -รู้สึกอย่างไรขณะที่บอกทางให้เพื่อน?
 -รู้สึกอย่างไรต่อกติกาที่ห้ามจูง ปลัก ดัน สะกิด ฯลฯ

ครูถามนักเรียนอื่น ๆ ที่เป็นคนดูว่า
 - รู้สึกอย่างไรต่อคนที่ผูกตาเดินผ่านอุปสรรค?
 -รู้สึกอย่างไรต่อพี่เลี้ยงที่คอยบอกทาง?
 - รู้สึกอย่างไรเมื่อบางคนทำสำเร็จ บางคนทำพลาด?

      สรุป คนที่ผูกตามีแต่ความมืด จะทำอะไรก็ลำบาก ต้องอาศัยพี่เลี้ยงช่วย พี่เลี้ยงและคนดูต่างก็เอาใจช่วยอยากให้คนที่ผูกตาเดินผ่านอุปสรรคได้สำเร็จ ปลอดภัย

ขั้นที่ 3 คำสอน

         1.เราทุกคนก็คล้ายกับคนผูกตา แต่เป็นตาฝ่ายวิญญาณ คือ เมื่อเราทำบาป บาปก็ปิดตาวิญญาณให้มืดมิด มองไม่เห็นแสงสว่าง ทำให้เราถลำตกในบาปอื่น ๆ อีก คนผูกตารู้สึกอึดอัด วุ่นวาย สับสนในวิญญาณฉันนั้น จะทำอะไรก็ผิดพลาดได้ง่าย ถ้ายังขืนจมอยู่ในความมืดเช่นนี้ ชีวิตทั้งชีวิตก็หมดหวัง ขืนดันทุรังไปคนเดียวก็รังแต่จะเกิดอันตราย

         2. คนผูกตาต้องการพี่เลี้ยงคอยบอกทาง นำทาง คนบาปก็ต้องการพี่เลี้ยงคอยบอกทางนำทางเช่นเดียวกัน ใครเล่าสามารถทำหน้าที่นี้ได้ คงไม่มีมนุษย์คนใดเพราะมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ? ทั้งสองจะไม่ตกลงไปในบ่อหรือ?” (ลก.6,39) มีแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่สามารถนำทางเราได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าและเป็นความสว่าง พระองค์ตรัสว่า “เราคือความสว่าง ใครเดินตามเรา คนนั้นจะไม่เดินในที่มืด” (ยน.8,12)

         3. พระเยซูคริสต์ทรงทำยิ่งกว่าพี่เลี้ยงทำเมื่อสักครู่เสียอีก พระองค์จะทรงแก้ผ้าผูกตาคือบาปออก ให้เราได้เห็นความสว่าง พระองค์จะเดินเคียงข้างเรา จะจูงเรา จะอุ้มเรา และถ้าเราเกิดเจ็บป่วย พระองค์จะทรงเยียวยารักษาเรา ภาพพระเยซูคริสต์ผู้นำนี้มีปรากฏในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเก่าในเพลงสดุดีว่า “พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรมเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ แม้ข้าพเจ้าจะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพเจ้าไม่กลัวอันตรายใด ๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพเจ้า” (สดด.23,2-4)

        4. เราจึงควรยึดถือพระเยซูคริสต์เป็นผู้นำของเราเสมอ โดยมีความเชื่อและศรัทธาในพระองค์ นบนอบเชื่อฟังเมื่อพระองค์ทรงแนะนำสั่งสอน ดังนี้เราก็จะเดินในความสว่างและบรรลุถึงจุดหมายปลายทางโดยปลอดภัย

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
 
ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
1.ใครเป็นผู้นำทางฝ่ายวิญญาณของเรา?
 ตอบ  พระเยซูคริสต์คือผู้นำทางฝ่ายวิญญาณของเรา
2.พระเยซูคริสต์ทรงนำทางเราอย่างไร?
 ตอบ  พระเยซูคริสต์ทรงนำทางเราโดยทรงไถ่เราให้พ้นบาป ทรงสั่งสอนหนทางแห่งความรอดแก่เรา และทรงคอยช่วยเหลือเราด้วยพระหรรษทานของพระองค์

ข. กิจกรรม
          นำนักเรียนเข้าวัด หรือไปยืนอยู่ต่อหน้าไม้กางเขนสวดภาวนาถวายตัวแด่พระเยซูคริสต์ อาจใช้บทภาวนาถวายตัวแด่พระหฤทัยของพระเยซูคริสต์ก็ได้

ร้องเพลง “พระชุมพาบาล” (ปรารถนา หน้า 176)


พระชุมพาบาล

1. แกะอยู่ดีสุขชื่นยืนยง  เพราะพระองค์เป็นชุมพาบาล
 บากบั่นพาไปหาอาหาร  ริมท้องธารอิ่มเอมเปรมปรีดิ์
 น่ารื่นรมย์ดุดมหญ้าน้ำ  แสนสุขล้ำน้ำพระทัยช่างดี
(รับ) ด้วยพระชุมพาบาลปรานี  ลูกจึงมีแต่สุขสำราญ
2. ลูกเปรียบปานแกะน้อยทั้งหลาย มองใจกายเป็นบริวาร
 ลูกอุ่นใจเพราะทรงสงสาร คอยต้านทานหมาป่าราวี
 พาลูกข้ามหุบเหวมืดล้ำ  ไม่เพลี่ยงพล้ำน้ำพระทัยช่างดี
3. พระองค์ทรงพิทักษ์รักษา  ฝูงชุมพานี้จนชั่วกาล
 ทรงเก็บไว้ในพระวิหาร  ปวงภัยพาลไม่กล้าราวี
 ทรงเชิดชูเอ็นดูยิ่งแล้ว  งามเพริศแพร้วน้ำพระทัยช่างดี