ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

บทที่ 14
เราเองก็ทำผิดต่อพระเป็นเจ้า
จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนสำนึกถึงความผิดที่ตนเองได้กระทำรู้สึกเสียใจและหาวิธีแก้ไข

ขั้นที่ 1 กิจกรรม
 
ครูยกตัวอย่างการกระทำบางอย่าง ให้นักเรียนตัดสินว่าถูกหรือผิด
เช่น  
 - เด็กชายแก้วไม่เข้าแถวซื้อของ ชอบแซงเด็กเล็ก ๆ
 - เด็กหญิงดวงตาชอบเก็บความผิดของคนอื่นมาเล่าให้เพื่อนฟัง
 - เด็กชายธนูชอบใช้เวลาว่างจากการเรียนหนังสือ ช่วยพ่อแม่ทำงาน
 - เด็กหญิงพรศรีอดกินขนม เพราะเอาไปให้เด็กที่อด ไม่มีอะไรกิน
 - เด็กชายชำนาญออกจากบ้านวันอาทิตย์ บอกกับพ่อแม่ว่าจะให้ไปวัด แต่เถลไถลไปเที่ยว
 - เด็กหญิงพลอยด่าเพื่อน เพราะชอบมาล้อชื่อพ่อแม่ ฯลฯ

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

 ให้นักเรียนสำรวจดูตัวเองว่า ได้กระทำอะไรทำนองนี้ ทั้งถูกทั้งผิด หรือไม่
 หาอาสาสมัครมาเล่าให้เพื่อนฟังหน้าชั้น
 ครูถามนักเรียนถึงผลดีผลเสียของการทำถูกทำผิด
สรุป เราทุกคนเคยทำอะไรมามากแล้ว ทั้งถูกทั้งผิด ที่ถูกก็ควรทำต่อไป ที่ผิดก็ควรแก้ไขละเว้นเสีย

ขั้นที่ 3 คำสอน

 1. ความผิดที่เราทำนั้นย่อมขัดคำสั่งของพระเป็นเจ้าทั้งนั้น เช่น การแซงแถวซื้อของเป็นการเอาเปรียบเพื่อน ผิดต่อความรัก การเอาความผิดของคนหนึ่งไปเล่าให้อีกคนหนึ่งฟังเป็นการนินทา การบอกพ่อแม่ว่าไปวัดแล้วไปเที่ยวเถลไถลเป็นการโกหก การด่าเพื่อนเป็นการโมโห

 2. ความผิดที่เราทำกันนี้เราเรียกว่า “บาปที่เราทำเอง” ซึ่งต่างจาก “บาปกำเนิด” เพราะบาปกำเนิดนั้นตกทอดมาถึงเราเพียงผลของมันเท่านั้น แต่ “บาปที่เราทำเอง” นี้ตกถึงเราทั้งบาป ทั้งโทษทั้งผลของมัน หมายความว่า เราจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวของเราเอง ซึ่งคิดดูแล้วมันหนักหนาสาหัสกว่า “บาปกำเนิด”มากนัก

 3. ความผิดที่เราทำต่อพระเป็นเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งเราเรียกว่าบาปนี้เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด เพราะเป็นความอกตัญญูอย่างสุด ๆ ของเราต่อพระเป็นเจ้าที่ดีแสนดีต่อเรา เราได้เรียนรู้มาในตอนแรก ๆ แล้วว่าพระเป็นเจ้าทรงดีต่อเราอย่างไร นับตั้งแต่สร้างเรามา ประทานชีวิตให้เรา ประทานทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตให้เรา รับเราเป็นลูกของพระองค์ ประทานพระเยซูคริสต์ให้เป็นพี่ชาย ประทานพระหรรษทานให้เป็นของขวัญ แล้วเราก็อกตัญญูต่อพระองค์โดยฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ ใช้สิ่งที่พระเป็นเจ้าประทานให้มาย่ำยีพระองค์เป็นการตอบแทน

 4. พระวรสารกล่าวถึงหลายคนที่เคยทำบาปผิดต่อพระเป็นเจ้า แต่ก็สำนึกผิด กลับตัวกลับใจ แก้ไขตนเองจนกลายเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ได้ เช่น มารี ชาวมักดาลา ที่พระเยซูคริสต์ทรงขับปีศาลเจ็ดตนออกจากนอง ศักเคียส คนเก็บภาษีซึ่งประกาศเลิกทำบาป และชดเชยคนที่เขาเคยทำให้เสียหาย “ข้าพเจ้ายอมยกทรัพย์สมบัติกึ่งหนึ่งให้คนอนาถา และถ้าข้าพเจ้าได้ฉ้อโกงใครก็จะชดใช้ให้สี่เท่า” (ลก.19,8) เราก็จงทำเช่นเดียวกันโดยสำนึกตัวว่า ได้ทำบาปผิดต่อ พระเป็นเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ เสียใจขอโทษพระองค์ และตั้งใจจะชดเชยด้วยการทำดีประพฤติดีต่อไป

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. จดเนื้อหาลงในสมุด

1.บาปเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างไร?
ตอบ  บาปเป็นสิ่งเลวร้ายเพราะเป็นการแสดงความอกตัญญูต่อพระเป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณต่อเราอย่างเหลือล้น

2.เมื่อเราทำบาปแล้ว เราควรทำอย่างไร?
ตอบ  เมื่อเราทำบาปแล้ว เราก็ควรสำนึกผิด กลับตัวกลับใจ และแก้ไขตนเองเสียใหม่

ข. กิจกรรม
ร้องเพลง “บาป”
บาป บาป บาป เราเกรงกลัวต่อบาป
ความชั่วทุกสิ่งเป็นบาป ถ้าทำผิดกฎบัญญัติอย่างเจตนา
กลัว กลัว กลัว กลัวความชั่วกันเถิดหนา
คนดีย่อมเกรงกลัวว่า จะนำความเดือดร้อนมาให้แก่ผู้อื่น

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

คาทอลิกไทย "รวมพลังรักษ์โลก" ค.ศ.2024-2025

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์