สรุปบทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส
สาระสำคัญของจดหมายฉบับนี้แบ่งออกเป็น 2 ภาคใหญ่ๆ คือ ธรรมล้ำลึกเรื่องความรอดพ้นและพระศาสนจักร กับ คำเตือนต่างๆ
I ธรรมล้ำลึกเรื่องความรอดพ้นและพระศาสนจักร
เปาโลได้พูดถึงแผนการความรอดซึ่งเป็นของขวัญของพระเจ้าที่ได้ประทานพระพรนานาประการขอพระจิตแก่เรามนุษย์ตั้งแต่นิรันดร และจะสำเร็จบริบูรณ์เมื่อสิ้นพิภพ พระพรต่างๆมีดังต่อไปนี้
1. พระเจ้าทรงเรียกและเลือกสรรให้ได้รับความสุขนิรันดร พระพรนี้เริ่มขึ้นแล้วอย่างเร้นลับเมื่อคริสตชนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงพระชนมชีพอย่างรุ่งเรือง ความรักในที่นี้ อันดับแรกหมายถึงความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา จึงทรงเลือกและทรงเรียกเราให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และต่อมาความรักนี้ยังหมายถึงความรักของเราต่อพระเจ้าอันเป็นผลตามมาและเป็นการตอบสนองความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเราอีกด้วย(เทียบ 1:3-4)
2. การที่เราได้เป็นบุตรบุญธรรมซึ่งเป็นหนทางให้เราบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าทรงเป็นบ่อเกิดและต้นแบบของการเป็นบุตรบุญธรรมนี้(1:5)
3. การไถ่กู้เราซึ่งเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อันได้แก่การสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้า(1:7-8)
4. การเปิดเผยให้เรารู้พระประสงค์อันเร้นลับของพระเจ้า(1:9)
5. การที่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรชนชาติอิสราเอลเป็นประชากรของพระองค์ เพื่อเป็นประจักษ์พยานให้โลกมีความหวังในพระผู้ไถ่(1:11)
6. การเรียกบรรดาผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิวให้มารับความรอดพ้นที่สงวนไว้สำหรับชาวยิวจนถึงขณะนี้ ข้อพิสูจน์ความจริงประการนี้คือ ทุกคนไม่เว้นใครต่างก็ได้รับพระจิตเจ้าตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้(1:13)
II คำเตือนต่างๆ
1. ขอให้มีเอกภาพ(4:1-16)
หลักการ : พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน “มีกายเดียวและจิตเดียว ความหวังประการเดียว องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว” (4:3)
ภาพลักษณ์ : พระกายของพระคริสตเจ้า(4:12) “พระองค์ทรงทำร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ทุกข้อต่อทุกข้อเสริมกำลังให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ด้วยความรัก”(4:16)
2. ชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า(4:17-32)
หลักการ : เราได้ฟังและรู้จักองค์พระเยซูคริสต์มาแล้ว จงถอดสภาพมนุษย์เก่า เลิกประพฤติเลวทรามตามราคะตัณหาที่หลอกให้หลงไป(4:21) จงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา(5:1-2)
แนวปฏิบัติ : จงพูดความจริง พูดแต่คำดีงามเพื่อเสริมสร้างผู้อื่น จงขจัดความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัย ไม่ขโมย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามก ความโลภ ใช้เวลาปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่าเสพสุราจนเมามาย จงยอมให้พระจิตเจ้านำทาง จงร่วมใจกันขับร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
3. ศีลธรรมในครอบครัว(5:21-9)
หลักการ : พระศาสนจักรเสมือนพระกายทิพย์ที่มีพระคริสตเจ้าทรงเป็นศีรษะ
หน้าที่ของสามี : จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร ต้องรักภรรยาเหมือนรักกายตนเอง
หน้าที่ภรรยา : จงยอมอยู่ใต้อำนาจของสามี จงเคารพยำเกรงสามี
หน้าที่ของบิดา : อย่าย้ำสอนจนบุตรขุ่นเคือง ต่ออบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลักธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
หน้าที่ของบุตร : จงเชื่อฟังบิดามารดา
หน้าที่ของทาส : จงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนาย เคารพยำเกรงจากใจจริง อย่าทำดีต่อหน้า รับใช้ด้วยความเต็มใจ
หน้าที่เจ้านาย : จงละเว้นการข่มขู่ต่างๆ
4. การต่อสู่กับอำนาจฝ่ายต่ำ(6:10-20)
หลักการ : จงเป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า ตักตวงพลังจากพระพลานุภาพของพระองค์ จงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เรามิได้ต่อสู่กับพลังมนุษย์แต่กับบรรดาจิตชั่วร้ายที่อยู่บนฟ้า
แนวปฏิบัติ : จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำอธิษฐานขอต่างๆทุกโอกาส จงตื่นเฝ้าอย่าท้อถอย