สรุปคำสอนจากบทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรมสรุปคำสอนจากบทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม
ภูมิหลัง
        เขียนระหว่างปี ค.ศ.57-58 จากจดหมายที่เขียนทำให้เรารู้ว่าพระศาสนจักรที่กรุงโรมประกอบด้วยคริสตชนที่เป็นชาวยิวและไม่ใช่ชาวยิว และมีอันตรายที่ทั้งสองกลุ่มจะดูถูกซึ่งกันและกัน เพราะอันตรายนี้เปาโลจึงได้เขียนจดหมายเพื่อให้ทั้งสองกลุ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและให้เข้าใจคำสอนของพระเยซูเจ้าที่ถูกต้อง

 

คำขึ้นต้น
• จาก..เปาโลผู้รับใช้ของพระคริตสเจ้าซึ่งพระเจ้าทรงเรียกมาเป็นอัครสาวก และทรงมอบหมายให้ประกาศข่าวดี…
• ถึง....ทุกท่านในกรุงโรมผู้ที่พระเจ้าทรงรัก
• คำทักทาย....ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด(ใช้ในคำทักทายของพระสงฆ์ในพิธีมิสซาฯ) - ขอบคุณพระเจ้าและคำอธิษฐาน

ความรอดพ้นโดยอาศัยความเชื่อ
I   การบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม
        ไม่มีเหตุผลที่จะต้องละอายต่อข่าวดี – ข่าวดี คือ พระเจ้านำความรอดพ้นให้แก่ทุกคน – ความเชื่อทำให้เกิดความชอบธรรม

ก.    พระเจ้าทรงลงโทษคนต่างชาติและชาวยิว
- ผู้ที่รู้จักพระเจ้าแต่ไม่เคารพบูชาหรือขอบพระคุณ และผู้ที่ประกอบความอธรรมทุกชนิด(1:21,18)
- พระเจ้าจึงทรงทอดทิ้งพวกเขาให้ตกอยู่ในความปรารถนาฝ่ายต่ำที่จะประพฤติชั่ว(1:24)
- แล้วทุกคนจะต้องถูกพิพากษาจากพระเจ้าตามความจริง(1:2) พระองค์จะทรงตอบสนองทุกคนตามสมควรแก่การกระทำของพวกเขา..คนที่ยืนหยัดกระทำความดีจะได้รับชีวิตนิรันดร์ ส่วนผู้ที่เห็นแก่ตัว..จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก(1:6-8)
- ส่วนคนต่างชาติซึ่งไม่รู้ธรรมบัญญัติ แต่ประพฤติตามข้อกำหนดของธรรมบัญญัติจากสามัญสำนึก(ทำด้วยใจตามมโนธรรม) ความคิดตามเหตุผลที่กล่าวโทษก็ป้องกันพวกเขา.... ในวันที่พระเจ้าทรงตัดสินพิพากษาความคิดที่เร้นลับของมนุษย์ทุกคน....(2:14-16)
- ชาวยิวที่แท้จริงคือคนที่เป็นยิวจากภายในและการเข้าสุหนัตที่แท้จริงก็คือการเข้าสุหนัตในใจไม่ใช่เรื่องการปฏิบัติตามตัวอักษร(2:29)
- ดังนั้นอย่าทะนงตน เพราะมนุษย์ทุกคนกระทำผิด – ไม่มีสักคนที่เที่ยงตรง(2:9-10)

ข.    ความเชื่อและการพิพากษาของพระเจ้า
- ด้วยความรักและความเมตตา “พระเจ้าประทานความรอดพ้นให้ทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า ไม่มีความแตกต่างใดๆอีก..” (3:22-23)
- ความชอบธรรมเป็นของประทานโดยพระหรรษทานอาศัยการไถ่กู้เราให้เป็นอิสระในพระเยซูคริสตเจ้า(โดยความตายบนไม้กางเขน)(3:24-25)
- มนุษย์ได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยการปฏิบัติตามสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้(3:28)
- พระเจ้ายังเป็นพระเจ้าของคนต่างชาติด้วย(3:28)
- พระธรรมบัญญัติมีความศักดิ์สิทธิ์...แต่อย่าทำตามตัวอักษร ต้องทำด้วยใจ เปาโลไม่ได้ทำลายธรรมบัญญัติแต่สนับสนุนธรรมบัญญัติ(3:31)

ค. แบบอย่างของอับราฮัม
- อับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมเพราะมีความเชื่อในพระเจ้า ...ท่านมีความเชื่อในพระเจ้าก่อนเข้าสุหนัต (เทียบ 4:3,8)
- อับราฮัมเป็นบิดาของผู้มีความเชื่อทุกคน(ทั้งที่เข้าสุหนัตไม่เข้า) ...สำหรับคนที่เข้าสุหนัต เขาเหล่านี้ไม่เพียงแต่เข้าพิธีเท่านั้น แต่ยังได้ดำเนินชีวิตตามอับราฮัมของเรา ไปตามทางความเชื่อที่เขาได้ดำเนินไปก่อนเข้าสุหนัต(4:12)
- ความเชื่อของอับราฮัมเป็นแบบฉบับความเชื่อของคริสตชน(4:18-25)
- เราเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูคริสต์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูคริสตเจ้าทรงยอมสละพระชนมชีพเพราะบาปของเรา และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม(4:24-25)

II  ความรอดพ้น
       ความเชื่อประกันความรอด – ความเชื่อทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม ทำให้เรามีสันติกับพระเยซูคริสต์ โดยทางพระองค์เราจึงเข้าถึงพระหรรษทาน(ความช่วยเหลือจากพระเจ้า)และดำรงอยู่ในพระหรรษทาน เราภูมิใจในความหวังที่จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า(5:2) ความเชื่อก่อให้เกิดความหวัง ความหวังทำให้เราเพียรทน ต่อสู้กับความทุกข์ยากลำบากต่างๆได้(เทียบ 4:3-11)

ก. การปลดปล่อยให้พ้นจากบาป จากความตาย และจากบทบัญญัติ
- บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น(5:12) อาดัมเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาภายหลัง(5:14)
- ถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้าก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมนุษย์(5:15)
- ด้วยเหตุนี้การล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษย์ทุกคนถูกลงโทษฉันใด กิจการชอบธรรมของมนุษย์คนเดียวก็นำความชอบธรรมที่บันดาลชีวิตให้มนุษย์ทุกคนฉันนั้น(5:18)
- ศีลล้างบาปทำให้เราเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์ และกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์(5:3-4) – เราจึงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์(5:5)
- เมื่อเป็นเช่นนี้ เราอย่าให้บาปครอบงำร่างกายที่ตายได้ของท่าน แต่จงถวายทุกส่วนของร่างกายแด่พระเจ้าเป็นเครื่องมือในการประกอบความชอบธรรม บาปจะไม่เป็นนายเหนือท่านอีก เพราะท่านไม่อยู่ใต้อำนาจธรรมบัญญัติอีกแล้ว แต่อยู่ใต้อำนาจพระหรรษทาน(6:12-14)
- เพราะค่าตอบแทนที่ได้จากบาปคือความตาย ส่วนของประทานที่ประเจ้าประทานให้เปล่าคือชีวิตนิรันดรในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา(6:23)
- ธรรมบัญญัติทำให้เรารู้ว่าอะไรบาปหรือไม่บาป ธรรมบัญญัติเป็นเรื่องฝ่ายจิต แต่ธรรมชาติมนุษย์มีความขัดแย้งภายใน คือ ในหนึ่งอยากทำความดีและอีกใจหนึ่งอยากทำความชั่ว

ข. ชีวิตฝ่ายจิตของคริสตชน
- คนที่อยู่ในพระคริสต์จึงอยู่ภายใต้กฎของพระจิต ซึ่งช่วยให้พ้นจากกฎของบาปและกฎของความตาย (8:2)
- ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติย่อมสนใจสิ่งที่เป็นของธรรมชาติ ส่วนผู้ที่ดำเนินชีวิตตามพระจิตก็สนใจสิ่งที่เป็นของพระจิตเจ้า(8:5)
- ทุกคนที่พระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้เราร้องออกมาว่า “อับบา พ่อจ๋า” ...เมื่อเราเป็นบุตรเราก็เป็นทายาทด้วย...(8:14-17)
- จุดมุ่งหมายปลายทางในชีวิตของเราคือพระสิริรุ่งโรจน์...ทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านไป ทั้งความสุขและเป็นต้นความทุกข์ยากลำบากต่างๆ...แต่เราสู้ได้เพราะเรารู้ว่า “พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์” (8:28)
- ไม่มีใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้า.....การทดลองทั้งหมดนี้เราชนะโดยง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา(8:35-37)

ค. บทบาทของชาวอิสราเอล 
- พระเจ้าทรงรักและเมตตาพวกเขามาเป็นพิเศษ ทรงเลือกให้เป็นชนชาติต้นกำเนิดของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทรงรักษาสัญญาที่ได้กระทำไว้กับบรรพบุรุษกับอับราฮัม อิสอัค ยากอบ ทุกอย่างเป็นไปตามพระวาจาของพระองค์(9:1-33)
- แต่สิทธิการเป็นบุตรของพระเจ้ามิได้จำกัดอยู่เฉพาะชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่คนต่างชาติด้วย ทุกคนต่าง “เป็นประชากรของพระเจ้า” และ “เป็นที่รัก” ทุกคนต่างแสวงหาความชอบธรรม (เทียบ 9:25-33)
- อย่ายึดติดแค่การถือธรรมบัญญัติ เพราะแท้จริงแล้ว “จุดมุ่งหมายของธรรมบัญญัติก็คือองค์พระคริสตเจ้า ดังนั้นทุกคนที่มีความเชื่อจะได้รับความชอบธรรม(9:1-4)
- เมื่อทุกคนที่เรียกขานพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอดพ้น(10:13) ดังนั้นจึงต้องมีการประกาศข่าวดีเพราะ “ความเชื่อมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า(10:17)
- ชาวยิว(อิสราเอล)เองจะต้องฟื้นฟูชีวิตของตนเองก่อน ให้คนที่มีความเชื่อที่เข้มแข็งอย่าโอ้อวดตน อย่าหยิ่งลำพอง แต่ให้เป็นเหมือนต้นไม้พันธุ์ดีที่นำไปขยายผล(เทียบ 11:16-24)  ส่วนคนที่จิตใจกระด้าง คนที่เป็นปรปักษ์ ให้กลับใจเสียใหม่ เพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้มนุษย์ทุกคนไม่เชื่อฟังพระองค์เพื่อจะได้แสดงพระกรุณา(11:32)

- ที่สุดเปาโลได้ให้ข้อเตือนใจเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้าดังนี้
*ปฏิบัติคารวกิจด้วยจิตใจ(12:1-2)
*ความถ่อมตนและความรัก(12:3-13)
*จงรักทุกคน รวมทั้งศัตรู(12:14-21)
*ความนอบน้อมต่อเจ้าหน้าที่(13:1-7)
*ความรักและบัญญัติ(13:8-10)
*จงเป็นบุตรแห่งความสว่าง(13:11-14)
*จงเคารพมโนธรรมของพี่น้อง(14:1-23)

บทส่งท้าย
• เน้นการประกาศข่าวดีแก่คนต่างชาติ และภูมิใจที่ได้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า(15:14-21)
• ฝากความระลึกถึงยังเพื่อนร่วมงานที่ออกชื่อประมาณ 29 คนพร้อมกับบุคคลในครอบครัว(16:1-16)
• คำเตือนสุดท้ายของจดหมายคือให้ระวังและหลีกเลี่ยงบุคคลที่ทำให้เกิดการแตกแยกและขดขวางคำสอนที่ได้เรียนรู้มา(16:17-20)
• ลงท้ายด้วยคำถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า(16:25-27)