ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์เพราะพระเยซูเจ้าประทับอยู่ และทุกท่านทำหน้าที่ตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความรัก
ขอให้ครอบครัวเราแต่ละคนศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการนำพระวาจาพระเจ้าไปปฏิบัติในชีวิตด้วยเช่นกัน
จงนับถือบิดามารดา เพื่อท่านจะได้มีอายุยืนอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่าน (อพย. 20:12)
ท่านจะต้องรักพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน สุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดกำลังของท่านท่านจะต้องพร่ำสอนบรรดาบุตรของท่าน ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ทั้งเวลานั่งอยู่ในบ้าน และเดินตามถนน ทั้งเวลาไปนอนและตื่นนอน (ฉธบ. 6:5, 7)
จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย อย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านจะเสด็จไปกับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน” (ฉธบ. 31:6)
บิดาเมตตาสงสารบุตรของตนฉันใด พระยาห์เวห์ก็ทรงเมตตาสงสารผู้ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น (สดด. 103:13)
บุตรเป็นมรดกที่พระยาห์เวห์ประทานให้ บุตรหลานเป็นบำเหน็จรางวัลจากพระองค์ (สดด. 127:3)
ลูกเอ๋ย จงรักษาบทบัญญัติของพ่อ อย่าดูหมิ่นคำสั่งสอนจากแม่ของลูก (สภษ. 6:20)
คำตอบอ่อนโยนทำให้ความโกรธสงบลง แต่คำพูดทิ่มแทงก่อให้เกิดความโกรธ (สภษ. 15:1)
จงฝึกเยาวชนในทางที่เขาควรจะเดิน เมื่อเขาชราแล้ว เขาจะไม่หันเหไปจากทางนั้น (สภษ. 22:6)
จงฟังพ่อที่ให้กำเนิดลูก อย่าดูหมิ่นแม่ของลูกเมื่อแม่แก่ชรา (สภษ. 23:22)
โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปประเทศอียิปต์ในคืนนั้น (มธ. 2:14)
แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ (มธ. 7:11)
จงนับถือบิดามารดา จงรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง” (มธ. 19:19)
ถ้าครอบครัวหนึ่งแตกแยก ครอบครัวนั้นก็ตั้งมั่นอยู่ต่อไปไม่ได้ (มก. 3:25)
ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่า ท่านเป็นศิษย์ของเรา (ยน. 13:35)
ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู (รม. 15:5)
ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องท่านในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ให้ท่านปรองดองกัน อย่าแตกแยก แต่จงมีจิตใจและความเห็นตรงกัน (1คร. 1:10)
ถ้าอวัยวะหนึ่งเป็นทุกข์ อวัยวะอื่นๆ ทุกส่วนก็ร่วมเป็นทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะอื่นๆ ทุกส่วนก็ร่วมยินดีด้วยเช่นเดียวกัน (1คร. 12:26)
ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง (1คร. 13:4-7)
จงแบ่งเบาภาระของกันและกันแล้วท่านก็จะปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระคริสตเจ้าอย่างสมบูรณ์ (กท. 6:2)
ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก (อฟ. 4:1-2)
จงอย่าพูดคำเลวร้ายใดๆ เลย จงพูดแต่คำดีงามเพื่อช่วยกันเสริมสร้างผู้อื่นตามโอกาสและเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บรรดาผู้ได้ยินได้ฟัง (อฟ. 4:29)
แต่จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์พระคริสตเจ้าเถิด (อฟ. 4:32)
สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เพื่อพระศาสนจักร (อฟ. 5:25)
ดังนั้น แต่ละท่านจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงเคารพยำเกรงสามี (อฟ. 5:33)
บุตรทั้งหลาย จงเชื่อฟังบิดามารดาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะการกระทำเช่นนี้ถูกต้อง (อฟ. 6:1)
บิดา อย่าย้ำสอนจนบุตรขุ่นเคือง แต่จงอบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลักธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า (อฟ. 6:4)
จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนั้นเถิด (คส. 3:13)
ภรรยาจงอยู่ใต้อำนาจของสามีตามสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า (คส. 3:18)
สามีจงรักภรรยาและอย่าทำให้นางรู้สึกขมขื่น (คส. 3:19)
บุตรจงเชื่อฟังบิดามารดาในทุกสิ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า (คส. 3:20)
บิดาก็จงอย่าขัดใจบุตรเกินไป จนเขาท้อแท้หมดกำลังใจ (คส. 3:21)
จงให้คำพูดของท่านอ่อนโยนและถูกกาลเทศะอยู่เสมอจงรู้จักตอบทุกคนอย่างดีที่สุด (คส. 4:6)
ดังนั้น จงให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และจงช่วยเสริมสร้างซึ่งกันและกันดังที่ท่านกำลังกระทำอยู่แล้วนี้เถิด (1ธส. 5:11)
ถ้าผู้ใดไม่เอาใจใส่ดูแลญาติพี่น้องของตน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ก็เท่ากับว่าได้ปฏิเสธความเชื่อ และเลวยิ่งกว่าผู้ไม่มีความเชื่อเสียอีก (1ทธ. 5:8)
เราจงพิจารณาหาทางปลุกใจกันและกันให้มีความรักและประกอบกิจการดี (ฮบ. 10:24)
ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ (ยก. 1:19)
เช่นเดียวกัน สามีต้องร่วมชีวิตกับภรรยาโดยคำนึงว่าสตรีเป็นเพศที่อ่อนแอ กว่า จงให้เกียรติภรรยาในฐานะที่เธอร่วมเป็นทายาทรับชีวิตเป็นของประทานจากพระเจ้า ดังนี้ จะไม่มีอุปสรรคใดขัดขวางมิให้ท่านร่วมกันอธิษฐานภาวนา (1ปต. 3:7)
ท่านทั้งหลายจงมีความคิดเห็นพ้องต้องกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน รักกันฉันพี่น้อง เห็นใจกันและรู้จักถ่อมตน (1ปต. 3:8)
ที่สำคัญที่สุด จงมีความรักกันอย่างมั่นคง เพราะความรักลบล้างบาปได้มากมาย จงต้อนรับกันโดยไม่ปริปากบ่น (1ปต. 4:8-9)
จงมีความรักเถิด เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน (1ยน. 4:19)