สัปดาห์ที่ 3 เตรียมรับเสด็จฯ เป็นความชื่นชมยินดีที่รู้ว่าพระคริสตเจ้าอยู่ใกล้เราแล้ว
ขอให้การเป็นพยานยืนยันถึงพระเจ้านำความชื่นชมยินดีมาสู่ผู้คนที่เราพบเจอด้วย
พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นพยานของเรา เป็นผู้รับใช้ที่เราได้เลือกไว้ ท่านจะได้รู้จักและเชื่อเรา และเข้าใจว่าเราเป็นใคร นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าอื่นใด ไม่เคยมีในอดีต และจะไม่มีในอนาคต (อสย. 43:10)
บรรดาผู้มีปัญญาจะส่องแสงเหมือนแสงสว่างบนท้องฟ้า และบรรดาผู้ที่ช่วยคนจำนวนมากให้มีความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนดวงดาวตลอดไป (ดนล. 12:3)
ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ (มธ. 5:16)
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง” (มก. 16:15)
ยอห์น มาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง (ยน. 1:7-8)
ข้าพเจ้าเห็น และเป็นพยานยืนยันว่า ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า (ยน. 1:34)
ผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมานั้นย่อมกล่าวพระวาจาของพระเจ้า เพราะพระเจ้าประทานพระจิตเจ้าให้เขาอย่างไม่จำกัด (ยน. 3:34)
ท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานให้เราด้วย เพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว (ยน. 15:27)
พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน (กจ. 1:8)
เพราะท่านจะเป็นพยานของพระองค์ ยืนยันสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินแก่มนุษย์ทุกคน (กจ. 22:15)
ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องละอายต่อข่าวดี เพราะนี่คืออานุภาพของพระเจ้าซึ่งนำความรอดพ้นให้แก่ทุกคนที่มีความเชื่อ ให้แก่ชาวยิวก่อนและให้แก่คนต่างชาติด้วยเช่นกัน (รม. 1:16)
ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยิน จะได้ยินได้อย่างไรถ้าไม่มีใครประกาศสอน (รม. 10:14)
จะมีผู้ประกาศสอนได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริงหนอ (รม. 10:15)
อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า (รม. 12:11)
ขอพระเจ้าผู้ประทานความหวังโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมด้วยความยินดีและสันติทุกประการในการที่ท่านเชื่อเช่นนั้น เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมเดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า (รม. 15:13)
ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าอย่างเข้มแข็งจนถึงที่สุด จนกระทั่งท่านไม่ขาดพระคุณใดในขณะที่รอคอยการเสด็จมา3 ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (1คร. 1:6-7)
ข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย (1คร. 9:23)
อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา (กท. 6:9)
ดังนั้น ตราบใดที่ยังมีโอกาสจงทำความดีแก่ทุกคนโดยเฉพาะแก่พี่น้องผู้ร่วมความเชื่อของเรา (กท. 6:10)
เราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ โดยเตือนและสอนทุกคนให้มีความรู้ทุกอย่างเพื่อให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า (คส. 1:28)
ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำกิจการใด ก็จงพูดจงทำในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระองค์เถิด (คส. 3:17)
จงให้คำพูดของท่านอ่อนโยนและถูกกาลเทศะอยู่เสมอจงรู้จักตอบทุกคนอย่างดีที่สุด (คส. 4:6)
ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่ทรงเลือกสรรไว้ เป็นสมณราชตระกูล เป็นชนชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า เพื่อจะประกาศพระฤทธา นุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดสู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์ (1ปต. 2:9)
ถ้าท่านจะต้องทนทุกข์ทั้ง ๆ ที่ทำความดีแล้ว ก็จงเป็นสุขเถิด อย่ากลัวเขา อย่าวุ่นวายใจเลย แต่จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระคริสตเจ้าในจิตใจของท่าน จงพร้อมเสมอที่จะให้คำอธิบายแก่ทุกคนที่ต้องการรู้เหตุผลแห่งความหวังของท่าน (1ปต. 3:14-15)