ข้อเสนอแนะเพื่อการใช้พระคัมภีร์ให้แพร่หลายข้อเสนอแนะเพื่อการใช้พระคัมภีร์ให้แพร่หลาย
        ข้อเสนอแนะเหล่านี้เป็นการรวบรวมสิ่งที่ได้กระทำมาด้วยตนเองและได้เรียนรู้จากคนอื่นทั้งจากการอ่านค้นคว้าจากตำราต่างๆวซึ่งเราสามารถจัดทำได้ทั้งด้วยตนเองและทำแบบสถาบัน ทั้งทำอย่างเป็นทางการและทำไม่เป็นทางการ
        1. เราสามารถเรียนรู้วิธีการศึกษาพระคัมภีร์และสื่อต่าง ๆ จากนิกายอื่นๆได้ เป็นต้นสมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ประเทศไทยหรือสมาคมที่ร่วมมือกันจัดทำพระคัมภีร์ในประเทศไทย รวมถึงวิธีการและสื่อจากสังฆมณฑลและคณะนักบวชต่างๆ เพื่อจะได้เป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และสามารถร่วมมือกันจัดทำสื่อต่างๆเพื่อการนำพระวาจาของพระเจ้าไปใช้กับกลุ่มต่างๆอย่างทั่วถึง


2. วัดคาทอลิกแต่ละวัดควรจัดให้การศึกษาพระคัมภีร์เป็นกิจกรรมอันดับต้นๆในแผนงานของวัด ทั้งนี้เพื่อให้การศึกษาพระคัมภีร์ในวัดบังเกิดผลอย่างดี ควรจัดหลักสูตรที่เหมาะสมกับประเภทของผู้ศึกษาโดยให้คำนึงถึงอาชีพ ภูมิหลังทางการศึกษา ท้องถิ่น สถานะทางสังคม ฯลฯ

3. ในกรณีที่ชุมชนคาทอลิกที่ขาดแคลนพระสงฆ์ จำเป็นต้องมีครูคำสอนหรือหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้นำสวดหรือวจนพิธีกรรมในวันอาทิตย์ ให้จัดการฝึกอบรมพระคัมภีร์ให้กับผู้นำเหล่านี้โดยจัดเป็นหลักสูตรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้นำสามารถนำไปใช้ในแต่ละอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ในโอกาสที่จะมีผู้เข้ารับศีลศักดิ์สิทธิ์ประการใดประการหนึ่ง เป็นโอกาสดีที่จะให้ความรู้เรื่องพระคัมภีร์หรือการอ่านพระคัมภีร์ให้ทั้งพ่อแม่และญาติๆพี่น้องของผู้จะเข้ารับศีลฯ

5. พระคัมภีร์มีความหมายสำหรับทุกคน ดังนั้นเราจึงควรให้การศึกษาพระคัมภีร์แก่ทุกคน ตั้งแต่วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น เยาวชน คนหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โดยประยุกต์การศึกษาให้เหมาะสมกับกลุ่มต่างๆ ดังนั้นจึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์และรู้จักประดิษฐ์คิดค้นการฝึกอบรมในรูปแบบต่างๆ หรือสมัครเข้ารับการอบรมที่ทางวัดหรือสังฆมณฑลจัดในรูปแบบต่างๆ

6. เราต้องใช้ประโยชน์จากพระคัมภีร์ที่ถูกรังสรรค์ให้ออกมาเป็นผลงานที่ดีงามโดยผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น เพลง แผนภูมิ รูปภาพ ภาพวาด การแสดงละคร ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ วิทยุ สื่อทางอินเตอร์เน็ต เพาเวอร์พ็อยส์ ป้าย โปสเตอร์ แผ่นพับ การ์ตูน ฯลฯ สื่อต่างๆเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการฝึกอบรมคริสตชนของเรา ซึ่งเราจะต้องให้ความสนใจและสะสมไว้ และถ้าเราสามารถเป็นผู้ผลิตเองได้ยิ่งเป็นประโยชน์มาก

7. สำหรับการใช้พระคัมภีร์เพื่อการอบรมเด็กหรือบุคคลที่อ่านหนังสือไม่ได้นั้น ควรใช้กิจการกลุ่ม การแสดงบทบาทสมมุติ ละคร รูปภาพ การเล่าเรื่องพระคัมภีร์ประกอบภาพ

8. การติดพระวาจาของพระเจ้าในสถานที่ต่างๆโดยการจัดทำเป็นป้ายที่สวยงาม แล้วนำไปติดตามที่สาธารณะต่างๆ ซึ่งปัจจุบันคอมพิวเตอร์ช่วยให้การพิมพ์เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและสวยงามมากขึ้น เราอาจจะให้กลุ่มเยาวชนช่วยกันออกแบบและจัดพิมพ์นำไปติดตามที่พวกเขาเห็นสมควร แต่ถ้าเป็นป้ายขนาดใหญ่ให้ลงทุนจ้างที่ร้านพิมพ์เอกชนจัดทำให้ได้ในราคาที่ไม่แพง

9. การจัดให้ครอบครัวเพื่อนบ้านกันมารวมกันเพื่ออ่านและแบ่งปันพระวาจาเป็นการสร้างชุมชนและพัฒนาความเชื่อให้แก่สมาชิกในเขตวัดของเราได้อย่างดี

10. คนเราชอบฟังดนตรีและร้องเพลง ดังนั้นการส่งเสริมให้ใช้ข้อความพระคัมภีร์มาเป็นเนื้อหาของเพลงจะเป็นการช่วยทำให้พระวาจาของพระเจ้าแผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง และจะติดหูติดใจคนไปตลอดชีวิต

11. การเทศน์ของพระสงฆ์ในวันอาทิตย์หรือในการชุมนุมโอกาสต่างๆเป็นเวลาที่เหมาะสมที่พระสงฆ์หรือผู้นำจะได้เผยแผ่พระวาจาของพระเจ้าและอธิบายถึงความหมายของพระวาจาที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของเราแต่ละคน

12. ปัจจุบันเราต้องเสพสื่อกันมากมายในแต่ละวัน สื่อต่างๆเหล่านี้นำเสนอข่าวเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องให้การฝึกอบรมคริสตชนของเราให้สามารถอ่านและตีความตามทัศนะของเราชาวคริสต์โดยผ่านทางพระคัมภีร์ อ่านข่าวโดยใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นหลักในการวินิจฉัยความถูกผิดของเหตุการณ์นั้น

13. ในการประกาศข่าวดีแบบตัวต่อตัวนั้น พระคัมภีร์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก พระคัมภีร์เป็นสื่อกลางของการสนทนาและเป็นคำตอบสำหรับข้อสงสัยต่างๆที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต

14. การชุมนุมกันของคริสตชนตามความเชื่อในเรื่องต่างๆนั้น เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้มีการสอนพระคัมภีร์เข้าไปด้วยเพื่อทำให้ความเชื่อศรัทธานั้นเป็นความเชื่อศรัทธาที่ถูกต้องตามคำสอนของพระศาสนจักร

15. ปัจจุบันกลุ่มศรัทธาต่างๆหันมาให้ความสนใจศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเสริมสร้างความศรัทธาของกลุ่มของตนเองมากยิ่งขึ้น ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์น่าสงเสริม

16. พระศาสนจักรไทยส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มคริสตชนขั้นพื้นฐานหรือBEC ซึ่งกระบวนการอบรมก็ใช้พระคัมภีร์เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรม

17. การจัดแท่นพระคัมภีร์ในบ้านหรือในห้องเรียนเพื่อเตือนใจและนำมาใช้อ่านพร้อมกันในครอบครัวหรือในห้องเรียน

18. การจัดแห่พระคัมภีร์ในวจนพิธีกรรมต่างๆเพื่อแสดงความเคารพและให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์

19. การให้มีการท่องข้อความพระคัมภีร์ที่สำคัญๆ จดจำเรื่องหรือเหตุการณ์สำคัญ อัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ

20. ส่งเสริมการให้มีการแบ่งปันพระวาจาแบบ 7 ขั้นตอน หรือการทำ Lectio Divina

21. การจัดการแข่งขันพระคัมภีร์สำหรับเด็ก ๆ ช่วยจูงใจเด็ก ๆ ให้อ่านพระคัมภีร์มากยิ่งขึ้น

22. ให้มีการอ่านพระคัมภีร์ก่อนทานอาหารร่วมกันที่บ้านหรือในงานชุมนุม

23. ให้เด็กเรียนพระคัมภีร์โดยการวาดภาพหรือระบายสี และให้มีการประกวด

24. จัดให้มีการบรรยายหรืออภิปรายเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นโดยมีพระคัมภีร์เป็นพื้นฐาน

25. ให้ผู้นำศึกษาภูมิหลังของพระคัมภีร์แต่ละฉบับเพราะพระคัมภีร์เขียนขึ้นโดยผู้เขียนหลายคน ในเวลาที่ต่างกันและมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน

26. ให้แต่ละคนจัดเวลาอ่านพระคัมภีร์เป็นการส่วนตัวในแต่ละวัน

27. ให้จัดฉลองวันพระคัมภีร์ประจำปีในแต่ละวัดหรือโรงเรียนเพื่อส่งเสริมการอ่านพระคัมภีร์ทั้งในระดับวัดและโรงเรียน

28. ให้ครูแต่ละโรงเรียนอบรมหน้าแถวโดยใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นหลัก

29. จัดวางพระคัมภีร์ไว้ในสถานที่ต่างๆเพื่อให้คนเข้าถึงพระคัมภีร์ได้ง่าย เช่น ห้องรับแขก ห้องทีวี โรงพยาบาล ฯลฯ

30. การจัดทำของชำร่วยหรือของที่ระลึกโดยมีข้อความพระคัมภีร์ที่เหมาะสมติดไว้ เช่น ของชำร่วยงานแต่งงาน งานครบรอบต่างๆ การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ของลูกหลาน วันเกิด ฯลฯ

31. การไปเยี่ยมบ้านหรือผู้ป่วยควรมีการอ่านพระคัมภีร์สั้นให้เจ้าของบ้านหรือผู้ป่วยรับฟังพร้อมกับการสวดภาวนา

32. ในการจัดงบประมาณของวัดหรือสถาบันควรจัดงบประมาณเพื่อส่งเสริมการอ่านพระคัมภีร์ให้สมาชิกด้วย

33. จัดหาหนังสือพระคัมภีร์และกิจกรรมเกี่ยวกับพระคัมภีร์ให้ลูกหลานได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับเรื่องราวต่างๆในพระคัมภีร์