จงฝึกเด็ก
           วิธีการหนึ่งที่เราใช้เพื่อนสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก็คือการทำอะไรตามแบบอย่างของคนอื่น  “อารี” อายุ 13 ชอบแหย่เพื่อนให้โกรธและแกล้งเพื่อนให้ได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เธอบอกว่าสนุกดี แต่เพื่อนๆของเธอก็บอกเธอตรงๆว่า “เธอสนุกแต่คนอื่นๆเค้าทุกข์นะ” ในการพูดคุยกันทำให้เข้าใจได้ว่าที่เธอเป็นอย่างนี้เพราะเธอโดนพี่ชายของเธอทำเช่นนี้กับเธอเสมอๆ


           “สุมิตรา” เป็นเพิ่งเข้ารับราชการครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอมีรูปแบบการเล่นสนุกๆบนความทุกข์ของผู้อื่นอีกรูปแบบหนึ่ง คือ จับหัวของลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันมาโขกกัน เธอบอกว่าคุณลุงของเธอชอบทำอย่างนี้กับพี่ๆน้องๆของเธอเสมอๆ

           เราแต่ละคนอาจจะเลียนแบบพ่อแม่ ลุงป้า พี่น้อง เป็นต้นเรามักจะเลียนแบบบุคคลที่เรารัก แต่บางครั้งเราก็เลียนคนที่เราเกลียดได้โดยที่เราไม่รู้ตัว

           “สวย” อายุ 15 ปี เป็นคนที่ใจร้อนเหมือนคุณพ่อของเขา “ชวาลา” ดื้อเหมือนคุณแม่ “ศิลา” ชอบโวยวายเหมือนคุณป้า “อินทรา” ชอบปลูกต้นไม้เหมือนคุณยาย “ราวี” ขี้เกียจและมีอารมณ์ฉุนเฉียวเหมือนพี่ชายคนโต ฯลฯ

           วัยเด็กๆยังเป็นช่วงเวลาที่กำลังแสวงหาตัวตนของตนเอง เป็นวัยที่ยังอ่อนแอและยังช่วยตนเองไม่ได้ ดังนั้นเพื่อที่จะเอาชนะความรู้สึกเช่นนี้ การเลียนแบบผู้ใหญ่หรือรุ่นพี่จึงทำให้เกิดความรู้สึกที่ปลอดภัย อย่างน้อยตัวเขาก็ทำเหมือนคนอื่นๆเขา เด็กๆหลายคนเลียนแบบดาราหรือนักกีฬา

           แน่นอนเด็กๆชอบเลียนแบบสิ่งที่ดีจากคนอื่นๆด้วยเช่นกัน แล้วเราจะทำอย่างไรให้เด็กๆของเราได้เลียนแบบอย่างที่ดี เช่น ขยันทำงาน ขยันเรียนหนังสือ ซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม ไม่เอาเปรียบคนอื่น เป็นคนที่ใจกว้างไม่เห็นแก่ตัว ฯลฯ

          เราที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ต่างก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เราอาบน้ำร้อนมาก่อนเด็กๆ เราจึงควรที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับเด็กๆของเรา จัดให้เด็กๆของเราได้อยู่ในบรรยากาศที่ดี ได้รับการอบรมที่ดี ให้สังกัดกลุ่มกิจกรรมที่ดี นอกจากนั้นเราควรที่จะแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดๆที่เด็กๆอาจจะเลียนแบบใครคนใดคนหนึ่งมา ที่สำคัญเราจะต้องประพฤติตนเป็นต้นแบบที่ดีให้พวกเขา

         นี่แหละจึงเป็นเหตุผลที่เราจะต้องให้ความใกล้ชิดและให้การอบรมที่ดีให้กับเด็กๆของเรา
“จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น”(สภษ 22:6)
(วันที่ 2 มกราคม 2011 วันยุวธรรมทูต)