คำสอนเรื่องพระนางพรหมจารี มารีย์ คำสอนเรื่องพระนางพรหมจารี มารีย์ 
          
พระบิดาทรงพอพระทัยทอดพระเนตรไปยังดวงหทัยของพระนางพรหมจารี มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์  ผลงานชิ้นเอกของพระองค์ เช่นเดียวกับมนุษย์ชื่นชมผลงานที่เป็นเลิศของตน.   พระบุตรก็ทรงพอพระทัยกับดวงหทัยของมารดาของพระองค์ที่จะเป็นต้นกำเนิดพระโลหิตที่พระองค์จะทรงใช้ไถ่พวกเราโดยมีพระจิตเป็นพระวิหาร.  ผู้ทำนายหลายท่านเคยกล่าวถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระนางมารีย์ไว้ตั้งแต่ก่อนพระนางถือกำเนิด  พวกเขาเปรียบพระนางกับดวงอาทิตย์  เพราะการปรากฏตัวของพระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์เปรียบได้กับแสงรัศมีที่งดงามของดวงอาทิตย์ในวันที่มีหมอก


             ก่อนที่พระนางพรหมจารีจะถือกำเนิด  พระพิโรธของพระบิดายังคงเป็นเหมือนกับดาบที่เงื้ออยู่พร้อมที่จะบั่นคอของเรา  แต่ทันทีที่พระนางพรหมจารีกำเนิดมาในโลก  พระพิโรธของพระองค์ทรงได้รับการบรรเทา... ทั้งที่ขณะนั้นพระนางังไม่ทราบว่าจะได้เป็นพระมารดาของพระเจ้า  และเมื่อยังเล็กอยู่พระนางก็ยังได้กล่าวอยู่เสมอว่า “เมื่อใดหนอฉันจึงจะได้แลเห็นสิ่งสร้างที่สวยงามที่จะเป็นพระมารดาของพระเจ้า?”.   พระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์นำเราสองครั้ง เข้าสู่การรับเอากายเป็นมนุษย์ของพระบุตร และนำเราไปยังเชิงพระมหากางเขน ซึ่งทำให้พระนางเป็นพระมารดาของเราด้วย.  บ่อยครั้งมีการเปรียบพระนางพรหมจารีกับการเป็นมารดาที่ประเสริฐที่สุด  มารดาที่ดีทั่วไปบางครั้งก็ยังทำโทษลูกเมื่อลูกทำสิ่งที่ผิดเพราะเธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำเป็นการกระทำที่เหมาะสมดีแล้ว  แต่พระนางพรหมจารีไม่เคยทำเช่นนั้น  พระนางดูแลพวกเราผู้เป็นลูกด้วยความรักและไม่เคยลงโทษพวกเราเลย

            ดวงหทัยของพระมารดามีแต่ความรักและความเมตตา  พระนางปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือให้พวกเรามีความสุข  ขอเพียงเราหันไปฟังเสียงของพระนาง.   พระบุตรทรงมีพระยุติธรรม แต่พระมารดาไม่มีอะไรเลยนอกจากความรัก.   พระเจ้าทรงรักเรามากจนยอมพลีพระชนมชีพเพื่อเรา  แต่ในพระหฤทัยของพระเยซูคริสตเจ้าทรงมีพระยุติธรรมซึ่งเป็นพระเทวภาพของพระเจ้า  ขณะที่ในดวงหทัยของพระนางพรหมจารีมีแต่ความเมตตาปรานี.   พระบุตรของพระนางทรงพร้อมที่จะลงโทษคนบาป แต่พระนางมารีย์ทรงเข้าขวางและทรงวิงวอนขออภัยโทษให้กับอาชญากรผู้น่าสงสาร.   พระเยซูคริสตเจ้าตรัสกับมารดาว่า “แม่ครับ ลูกปฏิเสธแม่ไม่ได้เลย  หากนรกสามารถรู้สึกเสียใจได้ ลูกก็คงจะให้อภัยพวกเขาตามที่แม่ขอ”

            พระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงเป็นคนกลางระหว่างพระบุตรกับเรามนุษย์   ยิ่งเราเป็นคนบาปหนักมากเท่าใด พระนางก็ยิ่งรู้สึกอ่อนโยนและมีพระเมตตาต่อเรามากขึ้นเพียงนั้น   เพราะลูกที่ทำให้แม่ร้องไห้มากที่สุดคือลูกที่มีค่าสำหรับหัวใจของแม่มากที่สุดด้วย.   ผู้เป็นแม่มิได้วิ่งไปช่วยเหลือลูกที่อ่อนแอที่สุดหรือคนที่ตกอยู่ในอันตรายมากที่สุดก่อนลูกคนอื่นหรือ?  แพทย์ในโรงพยาบาลมิได้ดูแลคนไข้ที่เจ็บหนักที่สุดมากกว่าคนไข้อื่นๆ หรือ?  ดวงหทัยของพระนางมารีย์อ่อนโยนมากต่อพวกเรา มากยิ่งกว่าความอ่อนโยนของผู้เป็นมารดาทั้งโลกรวมกัน.  นักบุญเบอนาร์ด (778-842) กล่าวกับแม่พระอยู่บ่อยๆ ว่า “สวัสดีครับพระแม่มารีย์” และวันหนึ่งพระมารดาก็ได้ตอบท่านว่า “สวัสดี ลูกเบอนาร์ดของแม่”

             บทวันทามารีอาเป็นบทภาวนาที่ไม่เคยทำให้พระนางมารีย์เบื่อหน่าย  ความศรัทธาต่อพระนางพรหมจารีเป็นสิ่งที่หอมหวานและเป็นโอสถบำรุงกำลัง  เมื่อเราพูดเรื่องทั่วไปหรือเรื่องการเมืองนานๆ  เราจะรู้สึกเบื่อ แต่เมื่อเราพูดถึงพระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ เราจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ใหม่สดอยู่เสมอ  นักบุญทุกองค์ล้วนศรัทธาอย่างมากต่อแม่พระ เพราะไม่มีพระหรรษทานใดจากสวรรค์มาถึงเราโดยไม่ผ่านทางแม่พระ เช่นเดียวกับการที่เราไม่สามารถเข้าบ้านได้หากเราไม่บอกให้คนเฝ้าประตูเปิดให้  พระนางมารีย์คือผู้เฝ้าประตูสวรรค์ของเรา

           เมื่อเราต้องถวายของกำนัลแด่ผู้สูงศักดิ์  เราจะถวายของกำนัลโดยผ่านคนโปรดของผู้สูงศักดิ์ท่านนั้น เพื่อจะให้ ของกำนัลนั้นเป็นที่พอใจของผู้รับ  เช่นเดียวกับคำภาวนาของเราที่มีคุณค่าสูงขึ้นเมื่อพระนางพรหมจารีเป็นผู้นำถวาย เพราะพระนางเป็นสิ่งสร้างเพียงสิ่งเดียวในโลกที่ไม่เคยเป็นที่ขัดเคืองพระทัยพระเจ้าเลย  พระนางพรหมจารีผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพระบัญญัติประการแรกคือ “จงนมัสการพระเจ้าผู้เดียวของเจ้า” และพระนางรักพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ที่สุด

            พระบุตรทรงได้รับทุกสิ่งที่ขอจากพระบิดา  เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่พระมารดาขอจากพระบุตร พระนางก็จะได้รับเช่นกัน  เมื่อมือของเราถือของที่มีกลิ่นหอม  กลิ่นนั้นก็จะติดมือเราเมื่อเราใช้สัมผัสสิ่งอื่น  ขอให้คำภาวนาของเราที่ผ่านทางพระหัตถ์ของพระนางพรหมจารีเป็นคำภาวนาที่มีกลิ่นหอมเช่นกัน  พ่อคิดว่าเมื่อสิ้นโลก พระนางพรหมจารีคงจะนั่งพักอยู่อย่างสงบ เพราะกว่าจะสิ้นโลก พวกเราคงฉุดลากพระนางไปทุกทิศทุกทาง... พระนางทรงเป็นเหมือนมารดาที่มีลูกมากจริงๆ  จึงต้องวุ่นกับลูกคนโน้นทีคนนี้ทีตลอดเวลา
ผู้พระทัยดีประทับอยู่ทุกแห่งหนพร้อมที่จะฟังคำภาวนาของเรา ขอแต่ให้เราสวดเรียกหาพระองค์ด้วยความเชื่อและความสุภาพถ่อมตนเท่านั้น

       
**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก http://saints.sqpn.com/stj18006.htm