ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2011
วันฉลองนักบุญทั้งหลาย           
               1. คำสอนเรื่อง “ความสุขแท้” ที่เราได้รับฟังในวันนี้มีความสำคัญต่อชีวิตของเราหรือไม่? : วันนี้เราฉลอง “นักบุญทั้งหลาย” ซึ่งพระศาสจักรเชิญชวนเราให้พิจารณา ไตร่ตรองถึงพระสัญญาที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้แก่บรรดาศิษย์ผู้ติดตามพระองค์  แต่แรก พวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นว่าคำสอนเรื่องนี้มีความน่าสนใจอะไรเลย พระเยซูเจ้าทรงมอบชุดคำสอนที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการหรือหลีกพากันหลีกเลี่ยงด้วยซ้ำไป

พวกเขาคิดว่าคำสอนชุดนี้ช่างขัดกับความต้องการและความปรารถนาของคนทั่วๆไป แต่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าเราจะได้รับพระพรอย่างแท้จริงถ้าเราได้ปฏิบัติตามคำสอนชุดนี้ หรือมีคุณลักษณะเช่นนี้ในชีวิตของเรา ให้เราพิจารณาดูคำสอนเรื่องความสุขแท้ของพระเยซู สำหรับพระองค์แล้ว คนที่จะมีความสุขแท้ คือ คนที่มีใจยากจน คนที่โศกเศร้า คนที่อ่อนโยน คนที่กระหายหาความยุติธรรม คนที่มีใจเมตตา คนที่มีใจบริสุทธิ์ คนที่มีใจสร้างสันติ คนที่ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความยุติธรรม คนที่มีคุณลักษณะเช่นนี้หรือคือคนที่มีความสุข? มันช่างตรงกันข้ามกับความสุขที่เราเห็นโฆษณากันทางโทรทัศน์และสื่อสารต่างๆ มันไม่เห็นจะเหมือนกับคำอวยชัยให้พรของบุคคลทั่วไปในสังคม ดังนั้นคำสอนชุดนี้พระเยซูเจ้าต้องการสอนอะไรพวกเรา พระองค์ต้องการให้เราคริสตชนกลับกลายเป็นคนด้อยค่าในสังคมหรืออย่างไร

               2. คนเราทุ่มเทเพื่อสิ่งที่ไม่จีรัง :  เราจะเห็นได้ว่าคำสอนชุดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าหรือหดหู่ใจอะไรเลย พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า ถ้าเรายอมรับความลำบากต่างๆที่เกิดขึ้นกับเราไดแล้ว เราจะได้รับรางวัล และรางวัลที่รอเราอยู่นั้นเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่และถาวร นั้นคือ พระอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งเป็นมรดกที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราทุกคน ณ ที่นั้นเราจะได้เห็นพระเจ้าแบบหน้าต่อหน้า ตัวต่อตัว เราจะมีความสุขอันนิรันดร เป็นความสุขที่ไม่มีการ เปลี่ยนแปลงอีกต่อไป ใครบ้างที่ไม่ต้องการความสุขแบบนี้ ลองพิจารณาดูชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน คนเราต่างทำงานหนัก ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่ออะไร นักกีฬาต้องอดทนฝึกฝนตนเองเป็นแรมเดือนแรมปีเพื่ออะไร พวกเขายอมอดยอมลำบากเพื่ออะไร นักธุรกิจทำงานในละหลายๆชั่วโมง ทุ่มเททำงานเพื่ออะไร คราวนี้หันมาพิจารณาคำสอนของพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เรากระทำอะไรที่ยากลำบากมากมายนักหรือ แล้วรางวัลของการทำตามคำสอนของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าเหรียญทองหรือการมีเงินสักสิบล้านแค่ไหน

             3. ถ้าสนใจ เราทำได้ : อะไรที่มีค่าหรือเป็นสิ่งที่เราต้องการ เราก็จะทุ่มเทอุทิศกายใจเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา สำหรับนักกีฬาแล้ว เหรียญทองคือสิ่งที่เขาคิดว่ามีคุณค่ามากที่สุด เขาจึงทุ่มเทเพื่อให้ได้มา เงินสิบล้านอาจจะมีคุณค่ามากสำหรับนักธุรกิจ แน่นอกเขาจึงยอมสู้ทนทำงานเพื่อสิ่งนั้น แล้วถ้าสวรรค์เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตล่ะ เราจะไม่ยอมทุ่มเทปฏิบัติตนเพื่อจะได้สวรรค์เป็นรางวัลกระนั้นหรือ ความสุขทั่วไปตามประสามนุษย์นั้นไม่จีรังยังยืน คนเราไม่มีวันอิ่ม ไม่มี วันพอ การที่คนจะประสบผลสำเร็จในชีวิตตามมาตรฐานโลกนั้น เขาจะต้องมีความสามารถพิเศษจริงๆ เพราะนักกีฬาที่ชนะก็มีเพียงไม่กี่คน หรือไม่ใช่ว่าทุกคนที่ทำธุรกิจจะประสบผลสำเร็จ แต่สำหรับการที่จะได้รับความสุขแท้ตามคำสอนของพระเยซูนั้น ทุกคนสามารถกระทำได้ และสามารถได้รับสวรรค์เป็นรางวัลอย่างเท่าเทียมกันอย่างแน่นอน

ให้เราภาวนา : ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะได้รับความสุขที่แม้จริงในชีวิต โปรดช่วยลูกให้มีจิตใจที่ยึดแต่เมืองสวรรค์ให้เป็นเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิต โปรดช่วยลูกให้รักและปรารถนาแต่เมืองสวรรค์มากว่าสิ่งของอย่างอื่นในโลกนี้ และขอให้ลูกได้ปฏิบัติตามคำสอนเรื่องความสุขแท้จริงที่พระองค์ทรงมอบให้ด้วย และขอให้ลูกสามารถนำข่าวดีเรื่องความสุขแท้นี้ไปบอกเล่าให้กับผู้อื่นด้วยเถิด ลูกวอนขอทั้งนี้ในพระนามของพระองค์ พระเยซูเจ้า ผู้ที่เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวกับพระบิดาและพระจิต อาแมน
 
ข้อตั้งใจ: ลูกจะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 5 นาทีคิดถึงเมืองสวรรค์ จิตนาการว่าเมื่อได้เข้าไปอยู่ในสวรรค์แล้ว ลูกจะพูดอะไรกับพระบิดาเจ้าบ้าง