ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011
การยกโทษให้ผู้อื่น...ยากหรือง่าย?
(มัทธิว 18:21-35)
            

          
ครั้งหนึ่งคริสตชนท่านหนึ่งได้รับเชิญให้ร่วมวงเสวนาระหว่างศาสนาเรื่อง “การให้อภัยตามคำสอนของศาสนา”  ผู้แทนของแต่ละศาสนาก็ได้ยกเอาหลักธรรมของของตนออกมานำเสนอ ซึ่งคำพูดของแต่ละฝ่ายล้วนแต่น่าประทับ ฝ่ายของคริสต์เองได้พูดโดยอ้างถึงคำสอนของพระเยซูเจ้าเรื่องความรัก การยกโทษเจ็ดสิบครั้งเจ็ดคุณเจ็ดสิบ

แบบอย่างของพระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่สอง ที่ยกโทษให้คนที่ทำร้ายพระองค์ และตบท้ายด้วยการที่พระเยซูเจ้าทรงยกโทษให้นายทหารที่เอาหอกมาแทงสีข้างของพระองค์ขณะที่ถูกตรึงอยู่ ผู้ฟังต่างปรบมือให้กับการพูดของเขา

                 เมื่อการเสวนาจบลง ผู้พูดฝ่ายคริสต์ลงมาจากเวที เขาแปลกใจและตกใจมากที่มีชายคนหนึ่งเข้ามาขอจับมือและพูดว่า “ขอขอบคุณในคำพูดของคุณ คุณพูดได้ดีมากๆ ” ทันทีผู้พูดจำได้ว่าชายที่อยู่ต่อหน้าเขานั้น เคยเป็นเพื่อนบ้านของเขาเอง และครอบครัวของเขาทั้งสองต่างมีเรื่องที่ต้องยกโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว จนต่างฝ่ายต่างสอนลูกหลานของฝ่ายตนว่าอย่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนในบ้านนี้เลย และเมื่อนึกถึงเรื่องที่ครอบครัวของคนที่มาขอจับมือด้วยนั้นทำกับครอบครัวของเขาอย่างไร ความทรงจำเก่า ความแค้น ความโกรธ ในอดีตหวนกลับมาทันที
ท่านคิดว่าผู้พูดคนนี้จะยอมจับมือและให้อภัยกับเพื่อนบ้านคนนี้หรือไม่
-----------------------------------------------------------

                   ผมคิดว่าเราหลายคนคงมีประสบการณ์เช่นนี้ บางครั้งเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากมากที่จะให้อภัยกับคนที่กระทำผิดต่อเรา นี้เองที่เป็นเรื่องที่ท้าทายเราคริสตชนทุกคนว่า เราสามารถกระทำตามคำสอนของพระเจ้าได้หรือไม่ เรื่องอะไรที่เราคิดว่าเราไม่สามารถยกโทษให้ได้เลย เราจะลดความโกรธแค้นของเราได้อย่างไร เราจะนำคำสอนของพระเยซูเจ้าไปปฏิบัติได้อย่างไร เราจะตอบสนองต่อพระวาจาของพระเจ้าในวันอาทิตย์นี้ที่ว่าท่านจะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าได้อย่างไรถ้าท่านปฏิเสธพี่น้องของท่าน
-------------------------------------------------------------

                 ให้เรากลับมาพิจารณาเรื่องของคริสตชนที่พูดในการเสวนาอีกครั้งหนึ่ง ดูซิว่าเขาทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนบ้านที่เคยไม่ถูกกันอย่างรุนแรงมาก่อน

                  คริสตชนคนนั้นภาวนาในใจว่า
“ข้าแต่พระเยซูเจ้า ผู้ไม่สามารถยกโทษให้ชายคนนี้ได้ ลูกขอโทษ แต่โปรดประทานความเข้มแข็งให้ลูกด้วย”

                  ในขณะนั้นเอง เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างที่มาจากนอกตัวของเขาช่วยยกมือของเขาขึ้นแล้วยื่นออกไปจับมือกับชายคนนั้น และเขาก็ได้พูดคุยกับชายคนนั้นด้วยความจริงใจ ซึ่งในชั่ววินาทีนั้น เขารู้สึกว่าเหมือนกับว่าเขาได้ยกเอาภูเขาที่สิงสถิตอยู่ในใจของเขาออกไป เขาบังเกิดความปีติสุขในจิตใจอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนเลย

                 “การให้อภัย” ซึ่งสามารถเยียวยาความวุ่นวายภายใจจิตใจของเราและของสังคมของเรานั้นไม่ได้มาจากตัวเรา เราเองไม่สามารถยกโทษให้ใครได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน ซึ่งเราคริสชนเรียกว่า “พระหรรษทาน” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงสั่งเราให้รักแม้กระทั่งศัตรู พระองค์ไม่ได้ทรงสั่งแต่อย่างเดียวแต่พระองค์ประทานพระหรรษทานให้กับเราด้วย ดังนั้นสิ่งใดที่เกินกว่าความสามารถของเรา ขอให้เราอย่าลืมวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เป็นต้นในวันนี้ในเรื่องของการยกโทษหรือการให้อภัยต่อบุคคลที่กระทำผิดต่อเรา

                 ในเรื่องของการอภัยกับบุคคลที่ยากแก่การให้อภัยนั้น เราสามารถกระทำได้หลายวิธีด้วยกัน
                  ประการแรกการวอนของพละกำลังจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
“ข้าแต่พระเจ้าโปรดช่วยลูกให้สามารถให้อภัยกับพี่น้อง...ที่กระทำผิดต่อลูกด้วย อาแมน”

                 ประการที่สอง ให้เราหาเวลานั่งนิ่งๆอยู่ต่อหน้าพระเจ้า อาจจะเป็นในวัด หรือหน้ารูปพระที่อยู่ในบ้านของเรา พิจารณาคำสอนของพระเยซูเจ้าที่เราได้รับฟังในวันนี้ พิจารณาตนเองว่าเราเองได้รับพระเมตตาจากพระเจ้ามากมายเพียงใด เราเองก็เป็นคนบาป เราทำบาปมากมาย แต่พระเจ้าทรงยกโทษให้เราเสมอ แล้วเราทำไมยังไม่ยอมยกโทษให้ผู้อื่นบ้าง พระเจ้าทรงยกโทษให้เรา เพื่อให้เราออกไปยกโทษให้ผู้อื่น

              ประการที่สาม ให้เรามองศัตรูของเราในแง่มุมใหม่ คือ อย่าคิดว่าเขาเป็นศัตรูคู่แค้นของเรา แต่เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนๆกับตัวเราเอง ที่บางครั้งเราก็ผิดพลาด เราก็ยึดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน ฯลฯ เขาเองก็มีความทุกข์ มีภาระเช่นเดียวกับเรา เราอย่าไปเพิ่มปัญหาให้แก่กันและกันเลย แต่พยายามมองข้อดีหรือสิ่งดีๆในตัวของเขาให้มากขึ้น พระเยซูเจ้าทรงภาวนาขณะที่ถูกตรึงอยู่ในบนไม้กางเขนว่า “พระบิดาเจ้าข้าโปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”(ลูกา 23:34)

                 พระเยซูเจ้าทรงมองดูความเจ็บแค้นด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากกับเรามนุษย์ พระองค์ทรงมองเหนือกว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่แต่ภายนอก พระองค์ทรงมองเราที่กระทำบาปและความผิดต่างๆอย่างที่เราเป็นจริงๆ คือ เราเป็นบุตรของพระบิดาที่ยังมีความอ่อนแอ ยังเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ แต่อยู่ในกระบวนการพัฒนาตนเองเพื่อจะได้เป็นคนดีบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ของเรา

                 การที่เราจะยกโทษให้ศัตรูของเราได้นั้น เราต้องเริ่มต้นด้วยการมองโลกและคนในแง่มุมใหม่ เราต้องมองเพื่อนมนุษย์ของเราด้วยสายตาของพระเยซูเจ้า
-----------------------------------------------------

                  สรุปคำตอบสำหรับการยกโทษให้ผู้อื่นนั้น เราต้องเริ่มจากการภาวนาขอพระหรรษทานจากพระเจ้าเพื่อให้เรากล้าที่จะยกโทษให้ผู้อื่น สองดูแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่ยกโทษให้อย่างไม่มีสิ้นสุด สามมองบุคคลที่เราไม่ชอบหรือมีเรื่องกับเราด้วยสายตาของพระเยซูเจ้า
 ขอพระเจ้าประทานพระพรแก่ทุกท่าน