ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2011
สตรีหมายเลขหนึ่งของเรา
            
วันนี้ขอนำเสนอข่าวดีที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของสตรีไทยจากหนังสือพิมพ์มติชน ความว่า
              “นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่จากผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติของแกรนท์ ธอร์นตัน ประจำปี 2554 เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าประเทศไทยมีอัตราสตรีทำงานในตำแหน่งผู้บริหารเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ 45% ตามด้วยจอร์เจีย 40% ประเทศรัสเซีย 36% ฮ่องกงและฟิลิปปินส์ 35% ส่วนประเทศที่มีผู้บริหารหญิงเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด ได้แก่ ประเทศอินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และญี่ปุ่น คือน้อยกว่า 10% โดยผู้บริหารหญิง 45% ของประเทศไทยนี้มาจากผู้บริหารในบริษัทระดับกลาง-ใหญ่ โดยสำรวจจากบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 50-599 คน” (มติชน วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)


-----------------------------------------------------------------------------------
                
              บทบาทของสตรีในสังคมไทยของเรานั้น ได้รับการยอมรับมานานแล้ว ไม่ว่าในด้านธุรกิจ ข้าราชการ การเมือง การกีฬา และแม้กระทั่งในวงการศาสนา ในแวงวงคาทอลิกของเรา เรามีหญิงเก่งและหญิงแกร่งมากมาย เรามีซิสเตอร์ที่เก่งๆ มีนักธุรกิจสตรี มีนักบริหารการศึกษาสตรี มีครูสตรี มีสมาชิกสภาอภิบาลสตรี ฯลฯ

              วันนี้เราเฉลิมฉลอง “สตรีหมายเลขหนึ่ง” ของคาทอลิกเรา คือ  “พระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์”
              การฉลองพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ได้รับการประกาศให้เป็นข้อความเชื่อโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 1950 ซึ่งการที่พระแม่ได้รับเกียรติสูงส่งเช่นนี้ เนื่องมาจากการที่พระเจ้าได้ทรงเลือกพระนางมารีย์ให้เป็นมารดาของพระเยซู พระบุตรของเจ้า ทั้งๆที่ชีวิตของพระนางนั้นไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรตามสายตาของสังคมทั่วไป เหตุผลประการเดียวที่พระคัมภีร์ได้เล่าให้เราฟังถึงสาเหตุที่พระเจ้าทรงเลือกจากคำพูดของทูตสวรรค์ที่กล่าวแก่พระนางสองตอนด้วยกัน คือ “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” และ “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน”(ลูกา 1:28,30)

              เนื่องจากพระเจ้าทรงโปรดปราน ชีวิตของพระนางจึงได้รับการอารักขาให้พ้นจากโทษของบาปกำเนิด ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่มีเพียงพระนางเท่านั้นที่ได้รับ พระนางเป็นผู้ที่ปฏิสนธินิรมล คือ เกิดมาไม่มีบาปกำเนิดติดตัวมา ซึ่งพระสันตะปาปา ปิโอ ที่ 9 ได้ประกาศมาในปี ค.ศ. 1854 “ชั่วขณะแรกแห่งการปฏิสนธิของพระนางพรหมจารีมารีย์ อาศัยพระหรรษทานและการโปรดปรานเป็นพิเศษจากพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ และเดชะพระบารมีข องพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ช่วยมนุษยชาติให้รอด พระนางได้รับการพิทักษ์รักษาไว้ให้พ้นจากมลทินทุกประการแห่งบาปกำเนิด”(DS 2803)(คำสอนฯข้อ 491)

                พระนางมารีย์มิได้ทรงเกิดมาโดยปราศจากผลร้ายของบาปกำเนิดเท่านั้น แต่ชีวิตทั้งชีวิตของพระนางนั้นก็ปราศจากบาปเช่นกัน ตั้งแต่พระนางตอบรับการเป็นพระมารดาของพระผู้ไถ่(พระเยซู) พระนางได้มอบกายถวายชีวิตรับใช้แผนการแห่งการไถ่บาปของพระเจ้าด้วยความนบนอบเชื่อฟัง “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอเป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด”(ลูกา 1:37-38) นักบุญอีเรเนอุสกล่าวถึงพระนางมารีย์ว่า “โดยการนอบน้อมเชื่อฟัง พระนางมารีย์ก็ได้กลายเป็นเหตุแห่งความรอด สำหรับตนเองและมนุษยชาติทั้งมวล...ปมที่เกิดจากการดื้อดึงของเอวาก็ได้คลายออกด้วยความนบนอบของพระนางมารีย์ สิ่งที่เอวาได้ผูกไว้เพราะความไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า พรหมจากรีมารีย์ก็ได้แก้ออกด้วยความเชื่อของตน”(คำสอนฯข้อ 494)        
 
              “ในเชื้อสายของเอวา พระเจ้าได้ทรงเลือกพระนางพรหมจารีมารีย์ เพื่อให้เป็นพระมารดาแห่งพระบุตรของพระองค์ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระนางคือ ผลอันเลิศเลอของการไถกู้ นับแต่วาระแรกแห่งการปฏิสนธิ พระนางได้รับการรักษาไวให้พ้นจากรอยมลทินแห่งบาปกำเนิดโดยสิ้นเชิง และยังคงบริสุทธิ์ปราศจากบาปส่วนพระองค์ทุกประการไปตลอดชีวิตของพระนาง”(คำสอนฯข้อ 508)               

                ด้วยชีวิตที่งดงามและบริสุทธิ์ ปราศจากทั้งบาปกำเนิดและบาปส่วนตัว และการรับใช้พระเจ้าด้วยความนบนอบเชื่อฟัง จึงทำให้พระนางมารีย์การได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ซึ่งการเฉลิมฉลองนี้ยังเป็นหลักประกันว่าเราทุกคนจะได้รับการกลับคืนชีพและได้ขึ้นไปอยู่ในสวรรค์เช่นเดียวกับพระนางด้วย
“ในที่สุด พระนางพรหมจารีมารีย์ ผู้ได้รับการอารักขาโดยพระเจ้าให้พ้นจากโทษบาปกำเนิด และเมื่อได้ดำเนินชีวิตอยู่บนแผ่นดินจนครบบริบูรณ์แล้ว ก็ได้รับการยกขึ้นสู่โรจนาการแห่งสรวงสวรรค์ ทั้งกายและวิญญาณ และได้รับการเชิดชูอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกับพระบุตรของพระนาง ผู้เป็นเจ้าแห่งเจ้านายทั้งหลาย ผู้พิชิตบาปและความตาย การได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ของพระนางพรหมจารีมารีย์ เป็นการมีส่วนอย่างพิเศษสุดในการกลับคืนชีพขององค์พระบุตร และเป็นการคาดหมายล่วงหน้าถึงการกลับคืนชีพของคริสตชนคนอื่นๆด้วย” (คำสอนฯข้อ 966)
----------------------------------------------------------------------

                เมื่อไตร่ตรองดูชีวิตของพระนางมารีย์ว่าทำไมพระนางจึงเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของเราคาทอลิกแล้ว ทำให้เรามองเห็นเจตนาของพระเจ้าที่ทรงต้องการเผยแสดงความจริงของชีวิตให้เรามนุษย์ได้รับรู้และนำไปปฏิบัติตาม

                  ประการแรก ตามแผนการของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้น โดยทรงเลือกพระนางมารีย์ให้มาทำหน้าที่สำคัญยิ่งนี้ เหตุผลเพียงประการเดียวคือพระเจ้าทรงโปรดปราน ท่ามกลางสตรีมากมาย พระเจ้าทรงเลือกมารีย์ - ดังนั้นการที่ใครจะเป็นอะไรหรือจะทำอะไรได้นั้นก่อนอื่นหมดเป็นพระเจ้าที่ทรงปรารถนาให้เป็น

                ประการที่สองเมื่อพระเจ้าทรงเลือก พระนางมารียได้ตอบรับด้วยความนบนอบเชื่อฟัง – เราเองต้องให้ความร่วมมือกับพระเจ้า ยอมให้พระเจ้านำทางชีวิตของเรา เหมือนแม่พระตอบว่า “ขอให้เป็นไปตามวาจาของท่านเถิด” 

                ประการที่สาม พระนางมารีย์ได้รับใช้พระเยซูเจ้าด้วยความซื่อสัตย์ตลอดชีวิต ทรงเลี้ยงดู ทรงห่วงใย ให้การอบรม อยู่เคียงข้างพระบุตรจนถึงที่สุด เป็นต้น ในเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน และทรงอยู่เป็นกำลังให้กับบรรดาสาวกในยามที่เกิดความกลัวและการเบียดเบียน พระนางปฏิบัติหน้าที่จนถึงที่สุด แม้จะต้องประสบกับความทุกข์ยากมากมายสักปานใดก็ตาม – เราก็เช่นกันจะต้องไม่ย่อท้อ จะต้องทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด


                ประการที่สี่ ผลของการปฏิบัติตนรับใช้พระเจ้า พระแม่ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ นี้เป็นหลักประกันให้กับเราทุกคนว่า ถ้าเรารับใช้พระเจ้าด้วยความซื่อสัตย์เราจะได้รับสวรรค์เป็นรางวัลเช่นเดียวกัน

               ประการสุดท้าย ชีวิตของพระนางมารียได้รับเกียรติสูงส่ง เพราะชีวิตของพระนางมีความเกี่ยวข้องกับพระเยซูเจ้า พูดง่ายๆว่าถ้าไม่มีพระเยซู ชีวิตของพระนางคงไม่มีใครรู้จัก – ชีวิตของเราก็เช่นกัน ถ้าไม่มีพระเยซูเจ้า ชีวิตและการงานของเราก็จะไร้ความหมาย

              สังคมอาจจะยกย่องสตรีด้วยความสามารถหรือความเก่งในด้านใดด้านหนึ่ง แต่พระเจ้าทรงยกย่องบุคคลที่ใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดให้เป็นคนที่มีเกียรติมากที่สุด และพระแม่มารีย์เป็นบุคคลที่เป็นถึงพระมารดาของพระบุตรพระเจ้า ทรงเป็นผู้ที่ใกล้ชิดพระเยซูเจ้ามากที่สุดอย่างที่ไม่มีมนุษย์คนใดจะเสมอเหมือน ดังนั้น เราจึงขอยกย่องให้พระแม่มารีย์เป็น “สตรีหมายเลขหนึ่ง” ของเราตลอดกาล