ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2011
(1คร 1:26-31; มธ 5:1-12)
"คนฉลาด-คนโง่ ในสายตาของพระเจ้า"
คนฉลาด-คนโง่ ในสายตาของพระเจ้า
1.เราเรียกคนฉลาดว่ามีไอคิวสูง ไอคิวคืออะไร ? คำว่า IQ ย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึง ความสามารถทางเชาวน์ปัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แสดงออกให้เห็นผ่านพฤติกรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดจากพันธุกรรมตลอดไปจนถึงสิ่งแวดล้อม (นักวิชาการจัดค่าระดับไอคิวไว้ดังนี้ ถ้า 130 ขึ้นไปถือว่าฉลาดมาก, 120-129 ฉลาด, 110-119 สูงกว่าปกติ, 90-109 ปกติ, 80-89 ต่ำกว่าปกติ, 70-79 คาบเส้น, ต่ำกว่า 70 ปัญญาอ่อน)
2.ใครๆก็อยากเป็นคนฉลาดและอยากให้ลูกหลานฉลาด เพราะเชื่อว่าถ้าฉลาดก็จะเรียนเก่ง เรียนเก่งก็จะมีอาชีพที่ดีๆทำ ทำงานดีก็มีเงิน ร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ฯลฯ

3.แต่ความฉลาดอย่างเดียวทำให้มีความสุขหรือไม่ คนฉลาดประสบผลสำเร็จในชีวิตจริงหรือไม่ หรือถ้าฉลาดแล้วโกง เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว ฯลฯ จะฉลาดไปทำไม

4.ถ้าคนหนึ่งเห็นคนเด็กเนื้อตัวมอมแมมมาของสตางค์เขาก็ให้ ขอทานมาขอเขาก็ให้ ใครลำบากก็ช่วยเหลือ ใครขอให้ทำอะไรก็ยินดีขันอาสา มีกลุ่มองค์กรอะไรก็สมัครเข้าเป็นสมาชิก งานอะไรที่ไม่มีใครทำเขาก็ลงมือกระทำ งานราษฎร์งานหลวงไม่เคยขาด อย่างนี้เขาเป็นคนโง่หรือคนฉลาด

5.บทอ่านที่สองในวันนี้ นักบุญเปาโลสอนเราว่า “พระเจ้าทรงเลือกคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย” (1คร 1:27)

6.และในบทพระวรสารคำเทศน์บนภูเขา พระเยซูเจ้าทรงชี้ถึงหนทางแห่งความสุขแท้ว่า ท่านทั้งหลาย “จงมีใจยากจน มีความทุกข์ จงอ่อนโยน จงกระหายความยุติธรรม จงมีใจเมตตา ใจบริสุทธิ์ สร้างสันติ ยอมรับความลำบาก”

7.ใครที่ทำได้ดังนี้จึงถือว่าเป็นคนฉลาดในสายตาของพระเจ้า และจะได้รับความสุขแท้จริง

8.เราอยู่ในกรอบชีวิตของตนเองอยู่ทุกวัน เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น อะไรที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากสิ่งที่เคยทำ ก็อึดอัด ลำบากใจ

9.คำสอนของพระเยซูเจ้าในวันนี้จึงเป็นการเชิญชวนเราให้ทำอะไรที่นอกกรอบชีวิตเดิมๆของเราบ้าง ใครที่เคยมาวัดแล้วก็กลับบ้าน ไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับใคร ก็ขอให้ออกจากตนเอง พูดคุยทักทายกับคนอื่นๆบ้าง ใครที่ไม่เคยช่วยเหลือกิจกรรมอะไรของวัด ก็ให้ขันอาสาบ้าง ใครไม่เคยบริจาค ก็ให้บริจาค ใครไม่เคยไปเยี่ยมคนเจ็บไข้ได้ป่วยหรือคนชรา ก็ให้หาเวลาไปบ้าง

10.ความฉลาดเป็นพระพรที่ช่วยให้เราได้ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนเอง