บทที่  8  เราจะประทานพระจิตแก่มนุษย์

จุดมุ่งหมาย      เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจถึงความสำคัญและบทบาทของพระจิตในชีวิตคริสตชน  และร่วมมือกับพระจิต

ขั้นที่ 1  กิจกรรม

แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม  กลุ่มละประมาณ  5 – 6  คน  ให้ระดมพลังสมองในหัวข้อที่ว่า  “ไฟมีประโยชน์อะไรบ้าง  ?”  

     รายงานผลของแต่ละกลุ่ม

ขั้นที่ 2  วิเคราะห์

ครูสรุป     ประโยชน์ของไฟอาจแบ่งเป็นข้อใหญ่ๆ ได้  2  ข้อ  ดังนี้

  • ให้ความสว่าง (ตะเกียง  คบเพลิง  ฯลฯ)
  • ให้ความร้อน (หุงต้มอาหาร  ให้ความอบอุ่น  ฯลฯ)

ขั้นที่ 3  คำสอน

  1. ชีวิตคริสตชนก็ต้องการไฟสำหรับให้ความสว่างและความร้อนแก่จิตใจ  ความสว่างและความร้อนนั้นได้แก่พระจิต  พระจิตทรงเป็นความสว่าง  ดังจะเห็นได้จากวันที่พระองค์เสด็จมาเหนืออัครสาวก  “พวกสาวกสวดชุมนุมกันเพื่อภาวนา  เมื่อถึงวันที่สิบก็มีเสียงดัอื้ออึงในท้องฟ้าเหมือนเสียงลมพัด  พวกเขาเห็นเปลวไฟรูปร่างเหมือนลิ้นกระจายลอยอยู่เหนือศีรษะของทุกคน  และทุกคนก็เปี่ยมไปด้วยพระจิต  เริ่มพูดภาษาต่างๆที่พระจิตทรงบันดาลให้พวกเขาพูด  ประชาชนมามุงกันด้วความพิศวงและตกตะลึงที่เห็นพวกสาวกพูดภาษาต่างๆของประเทศของตนได้”  (กจ. 2,1 – 6)  และเปโตรได้ยืนขึ้นพร้อมกับอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนและเริ่มเทศน์สอนด้วยเสียงอันดัง  (กจ. 2,14)  ความสามารถพูดภาษาต่างๆ  และความรู้ในการเทศนาสั่งสอนคือความสว่างในจิตใจที่พระจิตทรงบันดาลให้เกิดขึ้นกับอัครสาวก

  2. พระจิตยังทรงเป็นความร้อน เพราะทรงดลบันดาลให้อัครสาวกซึ่งเป็นคนขี้ขลาดหวาดกลัว  เก็บตัวอยู่ในห้อง  ปิดประตูลั่นดาลแน่นหนาเพราะกลัวพวกยิว  บัดนี้กลับร้อนเป็นไฟ  เปิดประตูออกไปประกาศต่อหน้าฝูงชนโดยไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น  และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไปอัครสาวกเหล่านี้ก็ออกไปประกาศเทศน์สอนทั่วไป  ทั้งในประเทศปาเลสไตน์และประเทศใกล้เคียง  และสุดท้ายได้ยอมพลีชีวิตเพื่อพระเยซูคริสต์  โดยไม่สะทกสะท้านจนสิ้นทุกคน

  3.   ทุกวันนี้พระจิตยังทรงเป็นความสว่างและความร้อนให้แก่พระศาสนจักร  โดยทรงชี้นำคำสอนต่างๆ  ของพระศาสนจักรให้ถูกต้องบริสุทธิ์อยู่เสมอ  ทรงจัความผิดหลงต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายให้หมดสิ้นไป  นอกจากนั้นพระจิตยังทรงเป็นพลังผลักดันให้มิสชันนารีสละบ้านเกิดเมืองนอน  เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปประกาศพระวรสารจนสุดแดนแผ่นดิน  โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก  หลายท่านได้สละแม้กระทั่งชีวิตเป็นมรณสักขีเพื่อยืนยันความซื่อสัตย์ต่อพระเยซูคริสต์  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานของพระจิตทั้งสิ้น

  4. พระจิตยังทรงทำงานอยู่ท่ามกลางมนุษย์ชาติ  แม้จะแตกต่างกันในเชื่อชาติ  ศาสนา  วัฒนธรรม  พระองค์ทรงดลใจมนุษย์ทุกคนให้เห็นผิดเห็นชอบตามมโนธรรมของแต่ละคน  ทรงบันดาลให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ  ช่วยเหลือร่วมมือกันในในรูปแบบต่างๆ  ทรงนำนานาชาติให้มาใกล้ชิดและสร้างประชาคมใหม่ที่ไร้พรหมแดน  คือ  ประชาคมโลกขึ้นมา  ดังเราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้มีองค์กรระดับโลกเกิดขึ้นมากมาย  องค์กรเหล่านี้จะเป็นผู้ประสสานนานาชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน  ขจัดความแตกแยก  ความเห็นแก่ตัวออกไป

  5. สุดท้าย  พระจิตสถิตอยู่ในใจเราคริสตชนนับตั้งแต่วันที่เรารับศีลล้างบาป  และเพิ่มพูนมากขึ้นจนถึงความสมบูรณ์ในวันที่เรารับศีลกำลัง  พระจิตทำให้เรามีชีวิตพระ  เมื่อมีชีวิตพระเราก็เป็นลูกของพระ  สามารถเรียกพระเป็นเจ้าว่า  “พระบิดา”  ได้อย่างเต็มปาก  (เทียบ  กท. 4,6 – 7)

           พระจิตซึ่งเป็นผูให้กำเนิดชีวิตเมื่อวันสร้างโลก  บัดนี้พระองค์ก็ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ในการไถ่กู้โลก

ขั้นที่ 4  ปฏิบัติ
ก.
ข้อควรจำ

  1. พระจิตประทานความสว่าง  คือความรอบรู้ถึงพระเป็นเจ้า  ความรอบรู้ถึงพระธรรมคำสอนที่พระเยซูคริสต์ทรงสั่งสอน
  2. พระจิตปฏิบัติความร้อนรนในการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนที่เราได้รู้  และนำไปประกาศให้เพื่อนพี่น้องได้รับรู้ด้วย
  3. พระจิตประทานชีวิตใหม่ให้แก่คริสตชนโดยทางศีลล้างบาปและศีลกำลัง  บันดาลให้เป็นลูกของพระ  สามารถเรียกพระเป็นเจ้าว่า  “พระบิดา”  ได้อย่างเต็มปาก
  4. พระจิตประทับอยู่ท่ามกลางนานาชาติ  แม้จะต่างเชื่อชาติ  ต่างศาสนา  ต่างวัฒนธรรม  ทรงบันดาลให้เกิดความร่วมมือในการสร้างปรชาคมโลกที่มีแต่ความสุ๘  สันติ  และความเป็นพี่เป็นน้องกัน

ข.  กิจกรรม     เล่นเกม  “พระคุณ  7  ประการ”  ของพระจิต

       วิธีเล่น      ทำบัตรพระคุณ  7  ประการของพระจิต  2  ชุด  (หรือ  มากกว่า)

         แบ่งผู้เล่นออกเป็น  2  กลุ่ม  (หรือมากกว่าตามจำนวนชุดของบัตร)  กลุ่มละ  7  คน

         แต่ลกลุ่มยืนหันหลังให้กัน  ห่างกันประมาณ  2  เมตร

         แจกบัตรชุดเดียวกันให้สมาชิกในกลุ่มคนละ  1  บัตร

         ครูให้สัญญาณ  สมาชิกของกลุ่มวิ่งจับคู่กับสมาชิกของอีกกลุ่มหนึ่งที่คิดว่ามีพระคุณของพระจิตประการเดียวกัน  จับคู่แล้วห้ามเปลี่ยน

          ครูตรวจดู  คู่ไหนมีพระคุณของพระจิตประการเดียวกันก็ชนะ

        
  ร้องเพลง  “เชิญพระจิต”

  1. เชิญพระจิตฤทธิเดชเสด็มา เยือนวิญญาณข้าพระองค์ที่ทรงสรรค์

เชิญพระสิทธิ์โปรดพระพรวรนันต์   เป็นมิ่งขวัญแก่วิญญาณ์ข้าพระองค์

(รับ)  เชิญเสด็จ   เชิญเสด็จ   พระจิตเจ้า

         เชิญเสด็จ   เชิญเสด็จ   พระจิตเจ้า

  1. พระเจ้าคือผู้บรรเทาเหล่าทุกข์ร้อน พระคือพรจากเจ้าฟ้าค่าสูงส่ง

พระคือธารชูชีวีอัคคียง   พระคือรักปักปลงใรให้ปรีดา  (รับ)

  1. พระประทานสัปตพรแก่มนุษย์ พระประดุจดัชนีพระหัตถ์ขวา

ขอพระองค์ทรงมานะพระบิดา   ตามสัญญาพระแจ้งไขไว้เด่นดี  (รับ)

  1. โปรดประทานแสงสว่างกระจ่างฟ้า โปรดนำมาซึ่งแรงรักประจักษ์ศร

ให้มนุษย์ผูใจอ่อนย่อนฤทธี   ดับอัคคีคือกิเลสเผด็จไป  (รับ)

  1. ขอพระโปรดขับศัตรูหมู่อมิตร โปรดประสิทธิ์สันติสุขทุกสมัย

ขอพระโปรดได้นำทางให้ห่างภัย   ใต้ร่มชัยวิญญาณรอดปลอดมลทิน  (รับ)

  1. ขอพระโปรดดวงใจเกล้าเข้ารู้จัก สามิภักดิ์พระบิดามหาศาล

อีกพระบุตรและพระจิตนิจกาล   พระคือธารท่อความเชื่อเพื่อชีวัน  (รับ)

  1. สาธุการพระบิดาและพระบุตร พระประยุทธ์ทรงชัยในมรณา

อีกพระจิตพระทรงฤทธิ์ทรงศักดา  เลื่องลือชาเกรียงพระยศปรากฏเทอญ  (รับ)