ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 11 รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์

คุณค่าพระวรสารฯ บทเรียนที่ 11
รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์

จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
        1. รู้ความหมายและแยกแยะความรักแต่ละประเภท ตามคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกได้
        2. ตระหนักถึงความรักที่มาจากพระเจ้า ซึ่งทำให้เรารักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
        3. แสดงความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยการรับใช้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

 

กิจกรรม   10 บุคคลที่ฉันรัก
ให้ผู้เรียนเขียนชื่อบุคคลอันเป็นที่รักจำนวน 10 บุคคลและระบุความสัมพันธ์

 

วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
                 เมื่อพูดถึงบุคคลที่ฉันรัก ผู้เรียนคิดถึงใครมากที่สุด เพราะอะไร
                 อาจให้ผู้เรียนจับคู่และให้เวลาพูดคุยกันก่อน แล้วจึงขออาสาสมัคร แบ่งปันความคิดในกลุ่มใหญ่ สัก 3-5 คน

            สรุป ความรักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน ตั้งแต่วันที่เราเกิดจนถึงวันที่เราลาจากโลกนี้ไป และความรักก็เกิดขึ้นได้เสมอและหลายรูปแบบ ความรักแต่ละแบบก็มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเราแต่ละคน และความรักก็มีพลังสามารถเปลี่ยนแปลง ชีวิต สังคม โลก ให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ความรักจึงเป็นคุณธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าและเกี่ยวข้องกับเราทุกคน

 

คำสอน            

           1. หากจะถามว่าทำไมเราต้องรักพระเจ้าและรักผู้อื่น นั่นเพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า“ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกันเพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรักย่อมบังเกิดจากพระเจ้าและรู้จักพระองค์” (1 ยอห์น 4:7) และ “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” (1 ยอห์น 4:16) ดังนั้น ความรักจึงเป็นความรู้สึกที่เกี่ยวกับพระเจ้า ช่วยเราให้รักพระเจ้าเหนือสิ่งใด และความรู้สึกต่อเพื่อนมนุษย์ ช่วยเราให้รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง เพราะเห็นแก่ความรักของพระเจ้า

           2. ชาวกรีกแยกแยะความรักออกเป็น 4 แบบ และใช้คำศัพท์ที่สื่อถึงความหมายของ “ความรัก” แตกต่างกัน ดังนี้
2.1 erōs (เอรอส) หมายถึง ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว
2.2 storgē (สตอร์เก) หมายถึง ความรักภายในครอบครัว เช่น พ่อแม่ รักลูก ลูกรักพ่อแม่
2.3 philia (ฟีเลีย) หมายถึง ความรักที่อบอุ่น ที่มีต่อมิตรสหายหรือคนใกล้ชิดที่สุด
4.4 agapē (อากาเป) หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นบรรลุความดีสูงสุดโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าผู้นั้นจะปฏิบัติต่อเราเลวร้ายเพียงใดก็ตาม

          3. ในหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ 6:5 “ท่านจะต้องรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดกำลังของท่าน” และหนังสือเลวีนิติ 19:18 “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” นี่คือบทบัญญัติที่พระเจ้าประทานแก่ชาวอิสราเอลในพันธสัญญาเดิม และเป็นเนื้อหาสำคัญของบทบัญญัติสิบประการที่ประทานแก่พวกเขาผ่านทางโมเสส ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงสอนเราว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน... ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มัทธิว 22:37-39)ซึ่งเป็นการสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการคือ “รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์”

          4. พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความหมายของความรักนี้เด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยแบบอย่างแห่งความรักของพระองค์บนไม้กางเขน “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยอห์น 15:13) และนี่เองที่ทำให้เราเห็นถึงคุณลักษณะสำคัญสองประการของความรักของพระเจ้า คือ “ความไม่เห็นแก่ตัว” และ “ความเสียสละ” ซึ่งเป็นรูปแบบความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

          5. เราสามารถแสดงความรักต่อพระเจ้าได้ โดยปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ภาวนาต่อพระองค์เป็นประจำวัน เพื่อขอบพระคุณ สรรเสริญ และขอโทษในสิ่งที่เราอาจจะทำผิดพลาดไป เรายังแสดงความรักต่อพระเจ้าด้วยการรับใช้พระเจ้า มีส่วนร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ บำรุง
พระศาสนจักรตามความสามารถ และร่วมมือในงานต่าง ๆ ของวัด

           6. เรายังสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นได้ ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าด้วยการเคารพบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณต่อเรา ช่วยเหลืองานของบิดามารดา ผู้ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ มอบความรักที่จริงใจให้กับเพื่อน ๆ แบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อน ปลอบใจกันและกัน มีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน เอาใจเขามาใส่ใจเราและที่สุดของความรัก คือการรักศัตรู ทำความดีแก่ผู้ที่เกลียดชังเรา สวดให้ผู้ที่ทำร้ายเรา อภัยให้คนที่ด่าแช่งเรา ทำดีต่อผู้ที่ไม่มีอะไรมาตอบแทนเรา นี่ก็คือความหมายของการรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง

ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจำ
         1. ชาวกรีกซึ่งแยกแยะความรักออกเป็นประเภทต่าง ๆ และใช้ศัพท์แตกต่างกันถึง 4 คำเพื่อหมายถึง “ความรัก” ความรักทั้ง 4 แบบ ได้แก่
              erōs (เอรอส) หมายถึง ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว
              storgē (สตอร์เก) หมายถึง ความรักภายในครอบครัว เช่น พ่อแม่รักลูก ลูกรักพ่อแม่
              philia (ฟีเลีย) หมายถึง ความรักที่อบอุ่น ที่มีต่อมิตรสหายหรือคนใกล้ชิดที่สุด
              agapē (อากาเป) หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นบรรลุความดีสูงสุดโดยไม่มีเงื่อนไข
         2. แบบอย่างแห่งความรักของพระเยซูเจ้า คือ ยอมสละชีวิตเพื่อเราบนไม้กางเขน “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยอห์น 15:13)
         3. รูปแบบความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คือ “ความไม่เห็นแก่ตัว” และ “ความเสียสละ”
         4. เราจะสามารถแสดงความรักต่อพระเจ้าโดยปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ภาวนาและรับใช้พระเจ้า
         5. เรายังสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นได้ ด้วยการแสดงความเคารพและช่วยเหลือกัน แบ่งเบาความทุกข์ ปลอบใจกันและกัน และมีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน

ข. กิจกรรมสรุปบทเรียน

    

ร้องเพลง “แก่นรัก”

เพลงแก่นรัก
ความรักนั้นอดทนนาน ความรักกระทำคุณให้
ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัวหยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว
ความรักนั้นไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ยินดี เมื่อผิดพลั้งไป ร่วมแรงร่วมใจ สร้างกันและกัน
** รักทนได้ทุกอย่าง ความรักนั้นทนได้ทุกอย่าง
ความรักคือการอภัย ความรักคือการให้กัน มีหวังเสมอ อภัยได้ทุกที
*** รัก ทนได้ทุกอย่าง ความรักนั้นทนได้ทุกอย่าง
ให้เชื่อในส่วนดี ในกันเสมอไป ต้องคงมั่น อยู่เคียงข้างกันเสมอไป

*** หรือร้องเพลง “รัก” เพลงประกอบการสอนคำสอน อัลบั้ม รักที่อบอุ่น

เพลงรัก
รัก รัก รัก รัก พระเจ้าทรง มีพระบัญชา
ให้รักผู้อื่น ดั่งรักตนเองเพราะพระรักเราทุกคน



ค. การบ้าน
       ให้ผู้เรียนเขียนข้อตั้งใจว่า ฉันจะแสดงความรักต่อพระเจ้า ต่อบุคคลในครอบครัว ต่อเพื่อน และผู้ที่เกลียดชังได้อย่างไร


::: Download  บทเรียนที่ 11 ::

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์