จดหมายเปิดผนึก...ถึงเพื่อน...ผู้ร่วมงาน
Love Letter 3

การสอนคำสอนให้มีประสิทธิภาพ
         เพื่อนผู้ร่วมงานที่เคารพรักทุกท่าน
         จดหมายฉบับนี้เป็นฉบับที่ 3 ที่พ่ออยากจะให้กำลังใจเพื่อนครูคำสอนทุกๆท่านที่กำลังรับใช้พระเจ้าด้วยการสอนคำสอนของพระเยซูเจ้าให้กับเด็กๆและเยาวชนที่เป็นลูกหลานและอนาคตของเรา
         ในฉบับที่ 2 พ่อได้พูดถึงหน้าที่ของครูคำสอนก็คือการเป็น “ทูตของพระเจ้า” เหมือนกับนักบุญยอห์น บัปติสได้กระทำหน้าที่ของท่านมาแล้วในสมัยของพระเยซูเจ้า
         ในครั้งนี้พ่อขอพูดถึงเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรให้การสอนหรือการถ่ายทอดเนื้อหาคำสอนของเราให้มีประสิทธิภาพ

 
          พ่ออยากให้เพื่อนๆผู้ร่วมงานทุกคนลองนึกถึงเครื่องมือสื่อสารในโลกปัจจุบันของเรานี้ เพื่อนๆว่ามีอะไรบ้าง...โทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ ดาวเทียม อินเตอร์เน็ต ฯลฯ เพื่อนๆจะเห็นว่าปัจจุบันนี้มีเครื่องมือสื่อสารใหม่ๆมากมายจนเราตามแทบไม่ทัน

           มีหลายคนพูดเชิงประชดประชันว่า สังคมของเราสามารถสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว มีอะไรก็สามารถส่งข่าวให้ทุกคนรู้ได้ในเวลาสั้นๆ แต่ทำไมเราจึงพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง สื่อเครื่องมือสมัยใหม่น่าจะทำให้โลกเข้าใจกันและกันได้เร็วและง่ายขึ้น แต่ตรงกันข้ามโลกเรายังมีความขัดแย้ง มีการเข้าใจผิดต่อกันและกันมากมายและตลอดเวลา

          แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการสอนคำสอน...การสอนคำสอนคือการสื่อข่าวสารของพระเจ้าไปยังเด็กๆเยาวชนและผู้ที่สนใจอยากรู้เรื่องของพระเจ้า ดังนั้นเครื่องมือและทักษะการสื่อสารของเราจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และนี้แหละจึงเป็นประเด็นที่พ่ออยากจะชวนเพื่อนผู้ร่วมงานได้พิจารณากัน

           ครูคำสอนต้องเป็นนักสื่อสารที่ดี เพื่อนๆมีประสบการณ์เช่นนี้ไหม เมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าผู้เรียน ทั้งๆที่เตรียมตัวสอนมาอย่างดี แต่เอาเข้าจริงหูตาลายไปหมด พูดอะไรสื่ออะไรดูไม่ค่อยได้เลยเท่าไร เรื่องง่ายๆยังอธิบายได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อ

           พ่อขอนำเสนอการเตรียมตัวเพื่อการสอนจะได้มีประสิทธิภาพใน 3 ประเด็นดังนี้ คือ การสร้างบรรยากาศ บุคลิกภาพในการสอน และวิธีการสอน 

การสร้างบรรยากาศ
           บรรยากาศหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสอนคำสอน ตั้งแต่บรรยากาศภายนอกได้แก่ สถานที่ เวลา โต๊ะเก้าอี้ สี แสง เสียง กลิ่น การประดับตกแต่ง ฯลฯ และบรรยากาศภายในได้แก่ ทัศนคติ อารมณ์ ความพร้อม ความร่วมมือ ฯลฯ

            ในที่นี้ ขอพูดถึงบรรยากาศภายนอกก่อน เริ่มจากห้องเรียนคำสอน มีเพื่อนครูหลายคนบ่นให้ฟังว่าที่โรงเรียนมีห้องสารพัดแต่ไม่มีห้องสอนคำสอนโดยเฉพาะ หรือไม่แต่ก่อนเคยมีแต่ปัจจุบันโดนยึดเป็นห้องกิจกรรมอื่นๆไปแล้ว โธ่...น่าสงสาร

           แท้จริงแล้ว เม็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของพระเจ้าสามารถเติบโตได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าเพื่อนครูจะใช้สถานที่ใดในการสอนคำสอน โรงอาหาร โรงพละ ระเบียงวัด โต้ถุนบ้านพ่อ ห้องรับแขก ฯลฯ ผู้ใหญ่ให้สอนที่ไหนก็สอนได้ทั้งนั้น นี้แหละครูคำสอนตัวจริง....

            ให้เราคิดถึงพระเยซูเจ้าทรงสอนสานุศิษย์ดูซิ พระองค์ไม่ได้ทรงใช้ห้องใดห้องหนึ่งโดยเฉพาะ แต่อยู่ที่ไหนก็ทรงสอนที่นั้น ตามถนน ในศาลาธรรม ในทุ่งนา บนภูเขา บนเรือ ฯลฯ ทุกสถานที่สามารถเป็น “เนื้อดินที่ดี” ที่เราสามารถหว่านพระวาจาของพระเจ้าลงในจิตใจของเด็กๆเยาวชนและผู้สนใจได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการสร้างบรรยากาศ การเลือกเรื่อง และวิธีการถ่ายทอดของเราอย่างไร

             ถ้าเพื่อนใช้ห้องเรียน การจัดห้องเรียนก็เป็นเรื่องที่เราสามารถสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพได้ หลักสำคัญคือ เพื่อนๆจะต้องจัดวางโต๊ะเก้าอี้อย่างไรที่ทำให้ผู้เรียนทุกคนสามารถมองเห็นหน้าครูและเพื่อนทุกคนได้อย่างดี ไม่มีใครต้องมองหลังใคร ต้องให้พวกเขาสามารถฟังได้อย่างชัดเจนและมองเห็นสีหน้าของครูของเขาได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ถ้ามีผู้เรียนคนไหนที่ต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ เช่น สายตาสั้นหรือบกพร่องทางการได้ยิน เพื่อนครูต้องจัดที่นั่งพิเศษให้เขา แต่ถ้าผู้เรียนคนไหนชอบทำให้ตนเองเป็นที่สนใจของคนอื่น เพื่อนๆก็ต้องจัดที่นั่งที่ไม่ทำให้ผู้เรียนคนอื่นต้องวอกแวกหรือทำให้คนอื่นต้องสูญเสียสมาธิในการเรียนรู้ไป เช่น จัดให้นั่งในมุมที่คนมองเห็นเขาได้น้อยที่สุดในห้อง คนไหนชอบพูดชอบคุย เพื่อนๆควรอนุญาตให้เขานั่งห่างจากเพื่อนๆหรือนั่งให้ห่างจากเพื่อนคนอื่น

             เพื่อนครูควรจัดห้องเรียนคำสอนให้แตกต่างไปจากห้องเรียนในวิชาการทั่วๆไป เหมือนการจัดเป็นแถวแบบที่เคยๆกระทำกันมาช้านานนั้น เพื่อนๆสามารถปรับโดยจัดให้เป็นแบบครึ่งวงกลม ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกแห่งความใกล้ชิดทั้งในระหว่างครูคำสอนกับลูกศิษย์และระหว่างศิษย์ด้วยกัน และเมื่อสิ้นสุดการเรียนแล้วอย่าลืมจัดที่นั่งให้เหมือนเดิมด้วย เมื่อสอนได้ระยะหนึ่งแล้ว เพื่อนๆอาจจะให้มีการสลับที่นั่งกันบ้างเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการเป็นเพื่อนในระหว่างสมาชิกในห้องเรียน ไม่ใช่ว่าใครใกล้ชิดกับใครก็อยู่ติดกันจนไม่เปิดโอกาสได้ใกล้ชิดกับเพื่อนคนอื่นบ้าง

             ให้เพื่อนๆถามตนเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “เด็กๆรู้สึกอย่างไรเมื่อเดินเข้ามาในห้องคำสอนของเรา” “ห้องเรียนทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองหรือไม่” “เด็กๆรู้สึกต้องเกร็งหรือต้องวางตัวเป็นพิเศษเมื่อเข้ามาห้องคำสอนหรือไม่”

             ในห้องคำสอนเพื่อนครูอาจจะประดับห้องด้วยภาพ แผนภูมิ โมบายต่างๆ ที่ดูแล้วเกิดการเรียนรู้และผ่อนคลาย ไม่ใช่ห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องเขียน กระดาษ คอมพิวเตอร์ กองหนังสือ ที่ดูแล้วเหมือนกับต้องเข้าห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์หรือต้องทำงานกันอย่างหนักจนเกิดความเครียด

              ถ้าครูต้องใช้ห้องที่มีกลุ่มอื่นร่วมใช้ด้วย เพื่อนๆอาจจะต้องใช้ฉากหรือโต๊ะมากั้นไว้เพื่อสร้างพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนเฉพาะของห้อง จัดที่นั่งให้เป็นครึ่งวงกลม ประดับพื้นที่ด้วยต้นไม้ในกระถางที่สามารถยกเคลื่อนย้ายได้ เพื่อนอาจจะนำเอาภาพมาประดับที่กำแพง อาจจะเขียนบทภาวนาบนกระดาษใหญ่ๆติดไว้ที่ข้างฝา แต่อย่าติดอะไรให้มากเกินไปจนลายตาไปหมด อย่าทำอะไรให้ดึงดูดใจเด็กมากไปกว่าตัวครูผู้สอนและบทเรียนที่เพื่อนจะนำเสนอให้พวกเขา
ฉบับนี้ขอพูดเรื่องแรกก่อน ฉบับหน้าจะพูดเรื่อง บุคลิกภาพในการสอน และวิธีการสอน ต่อไป

ขอพระเจ้าประทานพระพรและอย่าลืมสวดภาวนาทุกครั้งเพื่อการสอนคำสอนที่มีประสิทธิภาพของเรา
คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ
บ้านพักพระสงฆ์อารามพระหฤทัยแห่งกรุงเทพฯ
วันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2010
วันฉลองนักบุญเปโตรและเปาโล