ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

บทเทศน์เรื่องไฟชำระบทเทศน์เรื่องไฟชำระ      
        
พี่น้องที่รัก  วันนี้พ่อเทศน์บนธรรมาสน์ในนามของพระ  ในนามของบิดามารดาของพี่น้องเพื่อเตือนให้พี่น้องไม่ลืมการแสดงความรักและความกตัญญูรู้คุณต่อพวกเขา  เมื่อยังมีชีวิตอยู่พวกเขาเคยแสดงความรักและความอ่อนโยนต่อพี่น้องและขณะนี้พวกเขากำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในไฟชำระ  พวกเขาร่ำไห้และร้องโหยหวนขอให้พี่น้องช่วยเหลือโดยด่วน  เสียงร้องของพวกเขาดังมาจากขุมไฟที่กลืนกินพวกเขาอยู่ “จงบอกทุกคนที่เรารัก  จงบอกลูกๆ และญาติของเราว่า  ความชั่วร้ายทำให้เรากำลังได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมหันต์  ขอกราบวิงวอนขอคำภาวนาของญาติพี่น้องทุกคน  เราถูกทรมานในขุมไฟที่แผดเผาอยู่นี้ตั้งแต่วันที่เราจากพวกเขาไป!”



ใครเล่าจะนิ่งนอนใจอยู่ได้กับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเช่นนี้   พี่น้องที่รักได้ยินเสียงเรียกของแม่และพ่อที่เคยอุทิศตนและทำทุกอย่างเพื่อเรา  รวมทั้งญาติๆ ที่เคยช่วยเลี้ยงดูพวกเราด้วยความปรานีไหม? ขณะนี้พวกเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือว่า “โปรดช่วยพวกเราให้พ้นจากความเจ็บปวดด้วย  พวกท่านสามารถช่วยเหลือเราได้.   พี่น้องที่รัก ให้เราพิจารณาถึงเรื่องแรกคือ ขนาดของความเจ็บปวดที่ผู้ที่อยู่ในไฟชำระได้รับ และเรื่องวิธีที่เราสามารถช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ทรมานซึ่งได้แก่คำภาวนา, การทำกิจการดี, และเหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือการขอมิสซา

         พ่อจะไม่เสียเวลาอธิบายเรื่องการมีอยู่จริงของไฟชำระ และพวกเราที่นี่ทุกคนก็ทราบกันอยู่แล้วว่ามีไฟชำระจริง  พระศาสนจักรที่มีพระจิตทรงเป็นผู้นำเพื่อมิให้พลาดพลั้งสอนเราเรื่องไฟชำระอย่างชัดแจ้งว่า มีสถานที่สำหรับวิญญาณเพื่อใช้โทษบาปจนครบก่อนที่จะเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ในสวรรค์  นี่เป็นเรื่องของความเชื่อ หากเรายังชำระโทษบาปไม่หมด แม้จะได้รับการโปรดบาปแล้ว เราก็จะต้องไปชำระโทษบาปต่อจนครบสมบูรณ์...
มีข้อความหลายตอนในพระคัมภีร์ที่บอกเราอย่างชัดเจนว่า  แม้ว่าบาปของเราได้รับการอภัยแล้ว  แต่พระก็ยังคงกำหนดให้เราทำกิจใช้โทษบาปในโลกนี้ มิฉะนั้นก็ต้องไปชดใช้ต่อในเปลวไฟแห่งไฟชำระ.  อาดัมหลังจากที่ได้ทำบาป รู้สึกเสียใจในความผิดที่ได้กระทำลงไป  พระเจ้าทรงยกโทษให้แล้ว แต่กระนั้นอาดัมก็ยังต้องใช้โทษบาปในโลกนี้ 900 ปี.   ดาวิดก็เช่นกันเมื่อได้กระทำเป็นที่ขัดเคืองพระทัยของพระด้วยการสั่งให้มีการนับจำนวนคนอิสราเอลและคนยูดาห์  เมื่อรู้ว่าทำผิดก็เป็นทุกข์เสียใจและกราบขอโทษต่อพระ   พระองค์ทรงทราบถึงการเป็นทุกข์เสียใจของท่านและประทานอภัยให้ แต่กระนั้นก็ยังคงส่ง  “กาด” ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า มาหาดาวิดเพื่อให้เลือกวิธีการใช้โทษบาปที่ได้ทำลงไป 1 อย่างใน 3 อย่างคือโรคระบาด 3 วัน, ถูกศัตรูสงครามตามล่า 3 เดือน, หรือกันดารอาหารในแผ่นดิน 7 ปี   ดาวิดตอบว่า “ลูกขอให้พระองค์ทรงลงโทษด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ดีกว่าจะได้รับโทษจากมือมนุษย์”  ดาวิดจึงได้เลือกรับโทษจากโรคระบาดเป็นเวลา 3 วันและทำลายชีวิตของพลเมืองไป 70,000 คน  และถ้าหากพระเจ้ามิได้ทรงยั้งมือของเทวดาที่ยื่นออกเพื่อทำลายเมือง  กรุงเยรูซาเล็มคงกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว!  ดาวิดเมื่อเห็นผลร้ายมากมายที่เกิดจากการทำบาปของเขา จึงขอร้องพระเจ้าให้ทรงลงโทษท่านแต่เพียงผู้เดียวและให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์รอดชีวิต (2 ซมอ. 24)  การถูกลงโทษบาปของนักบุญมารีอา มักดาเลนาอาจช่วยให้หัวใจของท่านอ่อนโยนได้บ้างเมื่อพระเยซูเจ้าทรงช่วยนางให้รอดจากการถูกหินทุ่ม.   พี่น้องที่รัก เมื่อเป็นเช่นนี้เราคงเข้าใจว่าพวกเราที่ทำบาปกันมากมายจะต้องถูกทรมานอยู่ในไฟชำระกันคนละกี่ปี แม้ว่าเราจะมีข้ออ้างว่าได้แก้บาปแล้ว แต่เราจะไม่ต้องใช้โทษบาปและไม่ต้องหลั่งน้ำตากันเลยเชียวหรือ?

        พี่น้องที่รักทราบหรือไม่ว่า ความเจ็บปวดเพียงเล็กที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงได้รับนั้น มีค่ามากกว่าการเสียชีวิตอย่างทรมานของคนทั้งโลก  ไฟในไฟชำระก็เป็นไฟชนิดเดียวกันกับไฟในนรก ข้อแตกต่างมีอยู่เพียงอย่างเดียวคือไฟชำระมีที่สิ้นสุด.   หากพระเจ้าในพระเมตตาของพระองค์ทรงอนุญาตให้วิญญาณในไฟชำระสักดวงที่กำลังถูกไฟเผาอยู่นั้นปรากฏมาที่ธรรมาสน์ที่พ่อเทศน์อยู่นี้   เราจะเห็นวิญญาณนั้นล้อมรอบด้วยเปลวไฟและถ้าให้ผู้นั้นเล่าถึงความทุกข์ทรมานที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาอยู่ พวกเราคงจะได้ยินเสียงร้องและเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งวัดจนอาจทำให้จิตใจของพวกเราอ่อนโยนลงได้ในที่สุด -- ความทรมานของวิญญาณในไฟชำระช่างแสนสาหัสเสียนี่กระไร! 
 
        พี่น้องที่รัก พวกเราสามารถช่วยพวกเขาได้  ความโศกเศร้าที่ถูกพรากจากพระช่างเป็นความทุกข์ทรมานที่เหลือทนจริงๆ... การถูกเผาด้วยไฟแห่งพระยุติธรรมของพระเจ้า!... นี่เป็นความทุกข์ทรมานที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์!.. ความเสียใจมหาศาลที่ทราบว่าสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดายในโลกนี้!  พี่น้องจะทอดทิ้งพวกเขาไปหรือ ทั้งที่พวกเขาเคยรักพี่น้องอย่างมากเมื่อมีชีวิตอยู่?  พี่น้องจะนอนหลับอย่างสุขสบายหรือขณะที่พวกเขากำลังนอนอยู่บนเตียงที่ทำจากกองไฟ? พี่น้องยังมีความกล้าที่จะไปหาความสำราญกันหรือขณะที่พวกเขากำลังทุกข์ทรมานและร้องไห้กันอยู่ทั้งวันทั้งคืน?  พี่น้องที่กำลังครอบครองมรดกจากผลการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยของพวกเขาจะทอดทิ้งพวกเขาไว้ในขุมไฟแห่งการทรมานหรือ?... พี่น้องจะไม่ยอมให้ทานหรือขอมิสซาสัก 1 มิสซาเพื่อช่วยให้พวกเขาได้รอดพ้นจากความทุกข์ทรมานเลยหรือ?  พี่น้องสามารถบรรเทาความทุกข์ของพวกเขาได้, สามารถเปิดประตูคุกของพวกเขา  แต่พวกเรากลับทอดทิ้งพวกเขาไป... ช่างเป็นความเจ็บปวดที่แสนสาหัสจริงๆ!

         พี่น้องที่รัก มนุษย์มีมาตรฐานการตัดสินลงโทษที่แตกต่างไปมาก  ความผิดเพียงเล็กน้อยของเรา หากต้องถูกตัดสินโดยพระเจ้าผู้ไม่มีขอบเขตคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ยิ่งเมื่อพวกเราที่ทำผิดหนักกันไม่รู้กี่ประการและแทบจะไม่ได้ขอโทษพระกันเลยจะต้องใช้โทษกันกี่ปีในไฟชำระจึงจะสาสมกับความผิด? 

         นักบุญเทเรซากล่าวว่า “มีวิญญาณดวงไหนหรือ ที่บริสุทธิ์มากพอที่จะเข้าสวรรค์ได้โดยไม่ต้องผ่านไฟชำระ?”  ในการป่วยครั้งสุดท้าย ท่านนักบุญร้องขึ้นอย่างฉับพลันว่า “โอ้พระยุติธรรมและพระพลานุภาพของพระช่างน่ากลัวจริง!”  ขณะที่เข้าตรีทูตอยู่ พระเจ้าทรงอนุญาตให้ท่านนักบุญแลเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เหมือนกับที่บรรดานิกรเทวดาและนักบุญทั้งหลายแลเห็นพระองค์ในสวรรค์  ท่านถึงกับตัวสั่นไปทั่วร่างจนภคินีที่อยู่ล้อมรอบร่ำไห้และพูดว่า “คุณแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือ  แน่นอนคุณแม่ไม่ได้กลัวความตายหลังจากที่ได้ใช้โทษบาปอย่างหนักปีแล้วปีเล่าพร้อมกับน้ำตาจากการร้องไห้อย่างขมขื่น” ---คุณแม่อธิการตอบว่า “ถูกแล้ว แม่ไม่ได้กลัวความตายเลย แม่กลับอยากตายเพื่อจะได้สนิทสัมพันธ์นิรันดรกับพระด้วยซ้ำ” – “ถ้าอย่างนั้น คุณแม่ก็กลัวบาปที่ได้เคยทำหรือ ทั้งๆ ที่คุณแม่ใช้โทษบาปและพลีกรรมอย่างหนัก?”—“ถูกแล้ว แม่กลัวบาปของแม่จริงๆ แต่ที่แม่กลัวจนตัวสั่นคือการที่ต้องส่งบัญชีคืนให้พระที่จะทรงตัดสินตามพระยุติธรรมโดยปราศจากพระเมตตา   นอกจากนั้นก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่ากลัวมาก แค่คิดถึงก็ทำให้แม่ตายได้แล้ว”—“นรกหรือ?”—“ไม่ใช่หรอก, นรกนั้นไม่ใช่สถานที่ของแม่ ขอบคุณพระที่เป็นเช่นนั้น สิ่งที่แม่กลัวก็คือความศักดิ์สิทธิ์ของพระ  คิดดูสิ ชีวิตของแม่จะต้องถูกนำไปอยู่เฉพาะพระพักตร์ขององค์พระเยซูคริสตเจ้า  และหากแม่มีจุดด่างใดๆ แม้เพียงเล็กน้อยที่สุดแม้แต่แค่เงาของบาป ก็หมายถึงมหาวิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับแม่แล้ว!—ภคินีที่อยู่ในที่นั้นจึงร้องกันลั่นว่า “ถ้าเช่นนั้นความตายของพวกเราจะน่ากลัวมากขนาดไหนกันหนอ!”

           พี่น้องที่รัก เราคงไม่กล้าทำบาปกันอีกแม้แต่บาปที่เบาที่สุดหากเราสามารถเข้าใจว่าบาปแม้เพียงเล็กน้อยทำให้เป็นที่เคืองพระทัยของพระได้มากเพียงใด   พระเจ้าทรงความยุติธรรมกับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง  และเมื่อพระองค์ทรงตอบแทนเราแม้ในสิ่งที่เล็กที่สุดที่เราทำเพื่อพระองค์  รางวัลนั้นก็ยิ่งใหญ่จนเรานึกไม่ถึงเช่นกัน  แม้แต่ความปรารถนาดีของเราที่ไม่มีกิจการก็จะได้รับรางวัลอย่างใหญ่หลวง  พระองค์ไม่ทรงลืมที่จะประทานรางวัลตอบแทนแก่ทุกๆ สิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์  ขณะเดียวกันความผิดพลาดของเราแม้แต่ที่เล็กน้อยที่สุดก็จะถูกส่งตัวไปผ่านกรรมวิธีทำให้บริสุทธิ์ในไฟชำระ

            นักบุญเป็นจำนวนมากก่อนจะได้ไปสวรรค์ก็ผ่านไปที่ไฟชำระก่อน   นักบุญปีเตอร์ เดเมียน (1007-1072) กล่าวว่าพี่สาวของเธออยู่ในไฟชำระนานหลายปีเพราะเคยชอบฟังเพลงที่มีเนื้อหาหยาบโลน.  เล่ากันว่ามีนักบวช 2 ท่านสัญญากันว่าคนที่ตายก่อนจะกลับมาบอกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าหลังจากตายแล้วอยู่ในสภาพเช่นไร  พระเจ้าทรงอนุญาตให้เป็นไปตามนั้นคือคนที่ตายไปก่อนแจ้งว่าตนต้องอยู่ในไฟชำระ 15 ปีเพราะเคยเป็นคนที่ชอบเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ และพูดเสริมอีกว่า “ถ้าผมถูกเฆี่ยนเป็นๆ ติดต่อกัน 10,000 ปีก็ยังดีกว่าความทุกข์ทรมานในไฟที่กำลังได้รับอยู่”.   พระสงฆ์องค์หนึ่งบอกกับเพื่อนว่า พระเจ้าทรงลงโทษให้อยู่ในไฟชำระหลายเดือนเพราะการปฏิเสธไม่รับทำงานเพื่อวัตถุประสงค์ที่ดีงานหนึ่ง

             พวกเรามีกันบ้างไหมในช่วง 8-10 ปีที่ผ่านมา ที่ได้รับเงินจากพ่อแม่หรือเพื่อนเพื่อขอมิสซาหรือเพื่อนำไปบริจาคแล้วมิได้จัดการให้เป็นไปตามนั้น?  น่าสงสารผู้ตายที่ยังคงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในไฟชำระเนื่องจากไม่มีใครนำเงินของตนก่อนเสียชีวิตไปขอมิสซาให้!  ผู้เป็นพ่อแม่ที่น่าสงสาร เมื่อมีชีวิตอยู่เคยเสียสละความสุขเพื่อลูกๆ  แต่กลับถูกลูกหลานเนรคุณและนำเงินนั้นไปเพิ่มเป็นทรัพย์สินของตนเอง!
 
            นักบุญอัลเบิร์ต (St.Albert Magnus 1206-1280 : นักปราชญ์และที่ปรึกษาของพระสันตะปาปา) ผู้ทรงคุณธรรมอย่างน่าอัศจรรย์ได้แสดงให้เพื่อนคนหนึ่งทราบในวันหนึ่งว่า พระได้ทรงนำท่านไปยังไฟชำระเพราะการทำตนเย่อหยิ่งเล็กน้อยที่คิดว่าเป็นผู้รอบรู้.   สิ่งที่น่าตกใจคือมีนักบุญหลายองค์ยังคงอยู่ในไฟชำระกัน    นักบุญเซเวรีนุส (Severinus : 410-482) อัครสังฆราชแห่งโคโลญ ปรากฏตัวให้เพื่อนคนหนึ่งหลังจากเสียชีวิตไปนานหลายปี ท่านบอกกับเพื่อนว่า หลังจากที่ตายไปแล้วก็ต้องอยู่ในไฟชำระเพราะเคยเลื่อนเวลาทำวัตรเช้าไปทำตอนเย็นแทน.   ดังนั้น ผู้ที่ชอบเลื่อนเวลาสวดกันโดยอ้างว่าไม่มีเวลาจะต้องอยู่ในไฟชำระกันสักกี่ปี!  หากเราต้องการความสุขในการได้เป็นเจ้าของพระจริงๆ  เราจึงควรหลีกเลี่ยงการทำบาปไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามรวมทั้งบาปหนักด้วย  เพราะการถูกแยกออกจากพระนั้นเป็นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสอย่างแท้จริง!
**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก
http://saints.sqpn.com/stj18004.htm

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์