ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

ยอห์น อัครสาวกยอห์น
           ยอห์นเป็นน้องชายของยากอบ (ใหญ่)บิดาชื่อเศเบดี มารดาชื่อสะโลเม ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาสตรีที่ติดตามรับใช้พระเยซูคริสต์จากแคว้นกาลิลีไปจนถึงกรุงเยรูซาเล็ม และในวาระสุดท้ายได้ยืนอยู่แทบเชิงกางเขนของพระองค์พร้อมกับสตรีอื่นๆ อีกบางคน(มก.15.40)เข้าใจว่านางสะโลเมคงจะเป็นญาติกับพระนางมารีย์ บ้านเกิดของยอห์นคือเบธไซดาแคว้นกาลิลีมีอาชีพเป็นชาวประมงยอห์นได้ทิ้งอวนทิ้งบิดาติดตามพระเยซูคริสต์ไปพร้อมกับยากอบพี่ชาย (มธ.4.21) และเป็นหนึ่งในศิษย์สามคนที่พระเยซูคริสต์ทรงรักทรงรักเป็นพิเศษยิ่งกว่านั้นยอห์นยังเป็นศิษย์ที่พระเยซูคริสต์ทรงรักมากที่สุด  และมีความใกล้ชิดกับพระองค์มากทที่สุดอีกด้วยท่นมักจะเรียกตัวเองว่า “ศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก” (ยน.19.26) เสมอ ท่านอยู่กับพระเยซูคริสต์จนถึงพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ขณะที่ศิษย์อื่นๆ พากันหนีเอาตัวรอดไปหมดและท่านก็ได้มรดกชิ้นสำคัญจากพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน คือพระนางมารีย์มาเป็นแม่และท่านเป็นลูก (ยน.19.26-27)

          ยอห์นเป็นศิษย์ที่มีอายุน้อยที่สุดและเป็นหนุ่มโสดเพียงคนเดียวในบรรดาอัครสาวกสิบสององค์แรกๆ ก็มีนิสัยใจร้อนและทะเยอทะยานเหมือนยากอบพี่ชาย จนได้ชื่อว่าลูกฟ้าร้องด้วยกัน(มก.3.17)และถูกศิษย์อื่นๆ รังเกียจเพราะบังอาจไปขอนั่งข้างขวาและข้าวซ้ายของพระเยซูคริสต์ในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์(มก.10.35-41)

         ยอห์นกับเปโตรดูจะมีอะไรที่พิเศษๆ คู่กันอยู่ เช่น ยอห์นเป็นศิษย์ที่พระเยซูคริสต์ทรงรักมากที่สุด และเปโตรก็เป็นศิษย์ที่พระเยซูคริสต์ทรวไว้วางใจมากที่สุดโดยทรงแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของอัครสาวกทั้งหลายในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายเปโตรกระซิบให้ยอห์นถามพระเยซูคริสต์ว่าใครเป็นผู้ทรยศต่อพระองค์(ยน.13.24-25) เปโตรและยอห์นวิ่งไปที่พระคูหาด้วยกันหลังจากได้ทราบข่าวจากมารีชาวมักดาลาว่าพระศพของพระเยซูคริสต์หายไป(ยน.20.3)เปโตรหันมามองยอห์นแล้วถามพระเยซูคริสต์ก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสวรรค์ว่า “แล้วคนนี้เล่าจะเป็นอย่างไร?” พระเยซูคริสต์ทรงตอบว่า “ถ้าเราจะให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา จะเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า ?” จนมีเสียงเล่าลือกันว่ายอห์นจะไม่ตาย(ยน.21.20-23) และหนังสือกิจการอัครสาวกก็กล่าวถึงเปโตรและยอห์นขึ้นไปสวดภาวนาที่พระวิหารและรักษาคนง่อยให้หายที่นั่นจนถูกพระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชาวยิวจับ ถูกขู่มิให้เทศน์เรื่องพระเยซูคริสต์อีก(กจ.3.1-8)

        ตามความเชื่อถือของคริสตชนแต่โบราณเล่าว่า ยอห์นไปเดินทางไปประกาศพระศาสนาแถบเอเชียน้อยโดยพำนักอยู่ที่เมื่องเอเฟซัส ถูกจับในการเบียดเบียนสมัยจักรพรรดิ์โดมีชีอานุส (ค.ศ.95) ถูกโยนลงในกะทะน้ำมันเดือด แต่ไม่เป็นอันตรายใดๆ  จึงถูกเนรเทศไปที่เกาะปัตมอส(ค.ศ.96-97) หลังจากจักรพรรดิ์โดมีชีอานุสสิ้นพระชนม์แล้วจึงกลับมาที่เมืองเอเฟซัสอีกและสิ้นชีวิตที่นั่นในราวปี ค.ศ.104  นับว่าเป็นอัครสาวกที่มีอายุยืนยาวที่สุด สมกับที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้ว่า “ ถ้าเราจะให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา  จะเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า(ยน.21.22)

           อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ยอห์นเป็นศิษย์ที่พระเยซูคริสต์ทรงรักมากที่สุด เพาะเหตุนี้เองท่านจึงเป็นอัครสาวกแห่งความรัก ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนในพระวรสารและจดหมายที่ท่านเขียน ยอห์นเป็นเจ้าของนิยามที่ว่า “พระเป็นเจ้าคือความรัก” (1ยน.4.8) ในตำนานเล่าขานกล่าวว่า เมื่อท่านล่วงสู่วัยชราแล้วพวกศิษย์ของท่านมักจะอุ้มท่านไปให้โอวาทแก่กลุ่มคริสต์ชนอยู่บ่อยๆ และท่านจะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “ลูกเอ๋ยจงรักกันและกันเถิด” จนผู้คนพากันถามว่าทำไมจึงพูดอยู่แต่เรื่องนี้เรื่องเดียว ท่นก็ตอบว่า “เพราะเป็นคำสั่งของพระเป็นเจ้า ถ้าลูกทำได้แค่นี้ก็พอแล้ว”

        สิ่งที่ยอห์นฝากไว้แก่คริสตชนและโลกมนุษย์ก็คือพระวรสารเล่มที่สี่ จดหมาย 2 ฉบับ และพระวิวรณ์ ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่ายิ่ง พระวรสารและจดหมายเป็นความล้ำลึกและความสมบูรณ์ของพันธสัญญาใหม่ และพระวิวรณ์ก็เป็นภาพลางๆของโลกใหม่ชีวิตใหม่ ซึ่งเพราะความรักและความใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์ทำให้ท่านได้ล่วงล้ำเข้าไปในมิติของพระเป็นเจ้า คือโลกใหม่และพระอาณาจักรของพระองค์ จึงสมแล้วที่ท่านได้รับรูปนกอินทรีเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เพราะนกอินทรีนั้นบินสูงลิบสุดขอบฟ้าจนสามารถสัมผัสกับโลกใหม่เบื้องบนได้แม้แต่เพียงเบาบางก็ตาม

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์