ccp026.jpgบทเรียนที่        1 เดือนธันวาคม 1995
หัวข้อเรื่อง       วีรสตรีแห่งสองคอน
จุดมุ่งหมาย     เพื่อให้นักเรียนได้เห็นตัวอย่างของสตรีไทยที่มีความกล้าหาญในการยืนยันความเชื่อ


ขั้นที่ 1 กิจกรรม

ละคร  จัดให้นักเรียนแสดงละครเรื่อง “วีรสตรีแห่งสองคอน” โดยมีคนพากย์ตามบทที่ให้มานี้ (หรือจะอัดใส่เทปแล้วนำมาเปิดแสดงก็ได้)

นำเรื่อง ในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรมีนักบุญมรณสักขีมากมาย
            ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านักบุญมรณสักขีที่สำคัญ ๆ มักจะเป็นสตรี
            ประเทศไทยเราก็มีบุญราศีที่เป็นมรณสักขีเช่นกัน บุญราศีเหล่านี้ได้พลีชีพของตน
            เพื่อยืนยันความเชื่อย่างกล้าหาญ บุญราศีของไทยเป็นสตรีถึง 6 องค์
            เรามาดูเหตุการณ์ตอนหนึ่งของสมัยนั้นที่แสดงถึงความกล้าหาญของวีรสตรีแห่งสองคอน

ฉากที่ 1

ประชุมชาวบ้าน
เปิดฉาก  เจ้าหน้าที่ตำรวจลือเป็นหัวหน้า ได้เรียกประชุมชาวบ้านวัดสองคอนที่ลานวัดริมแม่น้ำโขง
             ชาวบ้านจึงมารวมตัวกันที่นั่นโดยมีซิสเตอร์อักเนส พิลา ทิพย์สุข และซิสเตอร์ลูเซีย
             คำบาง สีคำพอง รวมอยู่ด้วย ตำรวจลือถือปืนขึ้นยืนที่ระเบียงวัดประกาศว่า

ตำรวจลือ  “ทางอำเภอสั่งให้มาประกาศให้ทุกคนทราบว่า คนที่นับถือศาสนาคริสต์
               จะต้องทิ้งศาสนานี้เสีย แล้วเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธให้หมด ต่อนี้ไม่มีศาสนาคริสต์แล้ว
               ศาสนาคริสต์ต้องหมดไปจากหมู่บ้านสองคอน พระเจ้าของชาวคริสต์ตายแล้ว
               ทุกคนต้องนับถือศาสนาพุทธนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ใครขัดขืนไม่ยอมทำตามให้ยืนขึ้น
               จะยิงทิ้งให้ดูเป็นตัวอย่าง”

 พูดแล้วก็สายกระบอกปืนไปมา กวาดสายตาดูว่าจะมีใครกล้ายืนขึ้นบ้าง ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้ายืนขึ้น ตำรวจลือจึงประกาศซ้ำ

ตำรวจลือ  “ใครไม่ยอมทิ้งศาสนาคริสต์ให้ยืนขึ้น.....”

 ทันใดนั้น น.ส.บุดสี ว่องไว ได้ลุกขึ้นยืน นางเทพผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบดึงชายเสื้อให้บุดสีนั่งลง

เทพ  “นั่งลง ๆ บุดสี.....”

  แต่บุดสีไม่ยอม พูดว่า

บุดสี  “อย่าดึงเลย ตายครั้งเดียวเพื่อความเชื่อ ฉันไม่กลัว”

  แล้วก็ยืนต่อไป แต่ตำรวจลือทำแกล้งเป็นไม่เห็น ได้แต่ส่ายปืนไปมา

ฉากที่ 2
 วันที่ 25 ธันวาคม 2483 วันคริสต์มาส หมู่บ้านสองคอนไม่มีมิสซา ไม่มีฉลองใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะไม่มีพระสงฆ์ ทุกอย่างมีแต่ความเงียบเหงาวังเวง ซิสเตอร์อักเนส พิลา จึงจัดให้มีการจับฉลากแทน

ซ.อักเนส  เรามาเล่นจับฉลากครสิต์มาสกันเถิด แต่ปีนี้ไม่มีของขวัญให้นะ 
               มีแต่ฉลากเสี่ยงทายอนาคต.....เอ้า เชิญมาจับได้.....”

 ทุกคนออกมาจับฉลาก แล้วอ่านให้เพื่อนฟัง

คนที่ 1  “ปลอมตัวไปเตือนคนทิ้งศาสนา”

คนที่ 2  “ฉันจับได้.....ยอมตายเพื่อยืนยันความเชื่อ”

คนที่ 3  “ของฉัน.....ตามซิสเตอร์ไป”

คนที่ 4  “ทิ้งความเชื่อเสีย.....ไม่เอา ฉันไม่ทิ้ง.....”

คนที่ 5  “หนีไปอยู่ที่อื่น....”

ฉากที่ 3
 ตกกลางคืนซิสเตอร์ทั้งสองจึงปรึกษากับคนในบ้าน และตกลงใจจะขอยืนยันความเชื่อต่อพระเป็นเจ้า
จะไม่ยอมทิ้งศาสนาคริสต์ แม้จะตายก็ยอม ซิสเตอร์อักเนส พิลา จงลงมือเขียนจดหมายถึงตำรวจลือ เสร็จแล้วอ่านให้ทุกคนฟัง

ซ.อักเนส “พวกฉันขอคำนับมายังหัวหน้าบ้านสองคอน ทราบ

   เวลาเย็นวานนี้ ท่านได้รับคำสั่งอย่างเด็ดขาดแล้วสำหรับลบล้างพระนามของพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นเจ้าชีวิตจิตใจพวกฉันแต่ผู้เดียว พวกฉันไหว้นมัสการพระองค์แต่ผู้เดียวค่ะ แต่ก่อนสองสามวันล่วงมานี้ ท่านได้พูดกับฉันแล้วว่า จะไม่ลบล้างพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พวกฉันก็ยินดีพลอยยอมถอดเครื่องแต่งกายอันนี้ที่แสดงว่า พวกฉันเป็นข้าปรนนิบัติพระองค์ แต่วันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว ฉันขอยืนยันว่า ศาสนาพระคริสโตเป็นศาสนาจริงเที่ยงแท้แต่ศาสนาเดียว ฉะนั้นพวกฉันขอตอบคำถามของท่านเวลาเย็นวานนี้.....พวกฉันยังไม่ทันได้ตอบคำถามของท่านเลย เพราะว่า พวกฉันยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย มาวันนี้พวกฉันขอตอบว่า ไหน ๆ ก็ท่านจงจัดการสำหรับพวกฉันเสียเถิด อย่ารอช้าเลยค่ะ จงทำตามคำสั่งเถิด พวกฉันยินดีที่จะถวายชีวิตคืนให้แก่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ประทานชีวิตนี้ให้ พวกฉันจะไม่ยอมให้ตกไปเป็นเหยื่อของปีศาจหรอกค่ะ ของจงจัดการเถิด ขอจงเปิดประตูสวรรค์ให้แก่พวกฉันเถิด พวกฉันได้ยั่งยืนว่า นอกจากศาสนาของพระคริสต์แล้วไม่มีทางที่จะเอาตัวรอดขึ้นสวรรค์ได้เลย เอาเถิดค่ะ พวกฉันเตรียมตัวเสร็จสรรพอยู่แล้วค่ะ เมื่อพวกฉันไปแล้ว พวกฉันจะไม่ลืมท่านหรอก ขอท่านจงสงสารพวกฉันฝ่ายวิญญาณเถิดค่ะ พวกฉันจะขอบใจท่านมาก และจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย และวันสิ้นพิภพ พวกฉันกับพวกท่านจะได้เห็นหน้ากันอีก จงคอยดูกันเถิด ฉันถือตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ขอเป็นพยานให้แก่พระองค์เถิด พระเจ้าค่ะ พวกฉันคือ นางอักเนส นางลูเซีย แม่พุดทา นางบุดสี นางบัวไข นางสุวรรณ ขอเอาเด็กหญิงภูมาให้กับพวกฉันด้วยค่ะ เพราะฉันรักมาก พวกฉันตกลงหมดแล้วค่ะ”

 เสร็จแล้วให้ทุกคนลงชื่อ

ซ.อักเนส  “ใครจะเป็นคนเอาจดหมายไปให้ตำรวจลือ?”

  บุดสียกมือขึ้นรับอาสา

บุดสี  “หนูเอง ๆ.....”

  บุดสีรับจดหมายแล้ววิ่งออกไป

ฉากที่ 4
 เช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2483 ตำรวจลือได้รับจดหมาย อ่านดูแล้วก็โกรธเป็นกำลังตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า

ตำรวจลือ “บังอาจนัก กล้าขัดคำสั่งของกูรึ? ดีละจะได้เห็นดีกัน ไปพวกเรา ไปจัดการกับพวกมันเดี๋ยวนี้”

 พวกตำรวจจัดแจงอาวุธปืน แล้วตามตำรวจลือออกไป

ฉากที่ 5
 ซิสเตอร์ทั้งสอง พร้อมกับแม่พุดทา น.ส.บุดสี น.ส.คำไพ ด.ญ.พร ด.ญ.สุวรร และ ด.ญ.สอน รวมตัวกันอยู่ที่บ้านซิสเตอร์ เวลาประมาณบ่าย 3 โมงของวันที่ 26 ธันวาคม 2483 ตำรวจลือกับพรรคพวกมาถึง ร้องตะโกนเรียกให้มาที่วัด

ตำรวจลือ  “ทำไมเขียนจดหมายท้าทายเช่นนี้ ไม่กลัวตายรึ?”

ซ.อักเนส  “พวกเราไม่กลัว พวกเราพร้อมแล้ว”

ตำรวจลือ  “จะยอมทิ้งศาสนาหรือไม่ยอม?”

ทุกคน  “พวกเราไม่ยอม”

ตำรวจลือ  “ดีละ ถ้าอย่างนั้นไปที่ริมแม่น้ำโขงเดี๋ยวนี้”

ซ.อักเนส  “พวกเราขอไปตายในป่าช้า”

ตำรวจลือ  “ก็ได้ ไม่ต้องพูดมาก ป่าช้าก็ป่าช้า”

 ทุกคนก็เดินมุ่งหน้าไปป่าช้าซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร ขณะเดินไปนั้น นายกองสี บิดาของ ด.ญ.สุวรรณ เป็นห่วงกลัวลูกจะเป็นอันตราย จึงมาดึงตัว ด.ญ.สุวรรณกลับบ้าน

กองสี  “ลูกสุวรรณ กลับบ้านเถอะ อย่าไปเลย”
สุวรรณ  “ไม่ ๆ หนูไม่กลับ หนูจะไปกับซิสเตอร์.....”

 แต่นายกองสีก็ดึงตัว ด.ญ.สุวรรณไปจนได้ คงเหลืออีก 7 คน เดินไปพลางร้องเพลงสรรเสริญพระเป็นเจ้า พอถึงป่าช้าก็เข้าไปคุกเข่าเรียงแถวที่ข้างขอนไม้ใหญ่ที่ล้มพาดอยู่ พวกตำรวจเตรียมเล็งปืน

ตำรวจลือ  “ยิง……”

 ตำรวจทุกคนก็ลั่นปืนเสียงดังสนั่นป่า ทั้ง 7 คนก็ล้มลง.....ตำรวจคิดว่าตายแล้ว จึงกลับไป นายสาลีและนายแวง ชาวบ้านแอบดูเหตุการณ์อยู่ก็รีบรุดออกมาดู เห็น ซ.ลูเซีย นางพุดทา บุดสี คำไพ ถึงแก่ความตายแล้ว ซ.อักแนส และด.ญ. พร ถูกกระสุนปืนเป็นแฟลเหวอะหวะยังไม่ตาย ส่วน ด.ญ.พร ไม่เป็นอะไรเลย นายสาลีจึงบอกให้รีบกลับบ้าน ซ.อักเนส พูดกับนายแวงว่า

ซ.อักเนส  “ฉันกับพรยังไม่ตาย ไปบอกตำรวจให้มายิ่งให้ตายเถิด”

 นายแวงก็วิ่งไปบอกตำรวจ ตำรวจก็กลับมาอีก

ตำรวจลือ  “ไหน ๆ ยังไม่ตายรึ? มานี่ กูจะจัดการให้ตายให้หมด.....”

 ตำรวจลือยกปืนขึ้นยิงอีก 2 นัด ซ.อักเนสและ ด.ญ. พร ก็ถึงแก่ความตาย

ตำรวจลือ  “เก่งก็ลุกขึ้นมาอีกซี กูยังมีอีก 10 นัด.....”

 เสร็จแล้วก็ร้องสั่งชาวบ้านว่า

ตำรวจลือ  “เอามันไปฝังเหมือนหมาให้หมด”

มรณสักขีทั้ง 6 คือ
  ซ.อักเนส พิลา  ทิพย์สุข  อายุ 31 ปี
  ซ.ลูเซีย คำบาง  สีคำพอง อายุ 23 ปี
  นางอากาทา พุดทา  ว่องไว  อายุ 59 ปี
  น.ส.เชชีลีอา บุดสี  ว่องไว  อายุ 16 ปี
  น.ส.บีบีอานา คำไพ  ว่องไว  อายุ 15 ปี
  ด.ญ.มารีอา พร  ว่องไว  อายุ 14 ปี

ได้รับแต่งตั้งเป็นบุญราศีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2532

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

ครูถามนักเรียน
- รู้สึกอย่างไรเมื่อได้ชมละครนี้?
- ประทับใจใครมากที่สุด? ทำไม?
- ได้รับบทสอนอะไรจากตัวอย่างของมรณสักขีทั้ง 6 คนนี้

สรุป “พระเป็นเจ้าทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลาเพื่อทำให้คนที่มีปัญญาต้องอับอาย พระเป็นเจ้าทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้คนที่แข็งแรงต้องอับอาย พระเป็นเจ้าทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อย ดูหมิ่นและเห็นว่าไร้สาระเพื่อทำลายสิ่งที่โลกเห็นสำคัญ” (1คร 1.27-28)

ขั้นที่ 3 คำสอน

1. พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เขาเบียดเบียนเราอย่างไร เขาก็จะเบียดเบียนท่านอย่างนั้น”  (ยน 15.20) ศาสนาคริสต์ถูกเบียดเบียนมาตลอดนับตั้งแต่องค์พระเยซูคริสต์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันมีผู้คนมากมายยอมพลีชีวิตเหมือนพระอาจารย์และดูเหมือนว่าศาสนาคริสต์กับการเบียดเบียนจะเป็นของคู่กันไปตลอดเสียแล้ว ปราชย์แตร์ตุลเลียนกล่าวว่า “เลือดของมรณสักขีเป็นปุ๋ยอันโอชะที่ทำให้ศาสนาคริสต์เจริญงอกงาม”

2. ไฟพิสูจน์ทองฉันใด การเบียดเบียนก็พิสูจน์คริสตชนฉันนั้น การเบียดเบียทำให้เราได้คริสตชนที่เที่ยงแท้บริสุทธิ์ คนที่ยอมตายเพื่อรักษาความเชื่อของตนแสดงว่า เขาเป็นคนของพระจริง ๆ มรณสักขีแห่งสองคอนเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เขาทั้ง 6 คนเป็นหญิง เป็นนักบวช 2 คน เป็นฆราวาส 4 คน ในจำนวนนี้ยังเป็นเด็กเยาวชนถึง 3 คน ตามธรรมดาคนประเภทนี้เพียงแต่ขู่ว่าจะจับตัวหรือทำร้ายก็กลัวหัวหดแล้ว แต่เพราะเหตุใดครั้งนี้พวกเขาจึงไม่กลัว? มีอะไรอยู่เบื้องหลังที่ช่วยหนุนกำลังใจพวกเขาหรือ? มีแน่นอนสิ่งนั้นก็คือความเชื่ออย่างซื่อ ๆ แต่หนักแน่นมั่นคงว่า เมื่อพวกเขาซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้าแล้ว ถึงจะตายก็จะได้ไปสวรรค์ เหมือนที่ซิสเตอร์อักเนสได้เขียนไว้ในจดหมายว่า “จงเปิดประตูสวรรค์ให้พวกฉันเถิด”

3. ความเชื่อเช่นนี้เป็นพระหรรษทานที่มาจากพระเป็นเจ้า ดังที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้ว่า “เมื่อเขาจับตัวท่านไปอยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองหรือผู้มีอำนาจ อย่ากลัวว่าจะตอบอย่างไร หรือจะพูดอะไร เพราะพระจิตจะทรงสอนท่านเองในเวลานั้นว่าควรจะพูดอะไร” (ลก 12.11-12) จดหมายของมรณสักขีแห่งสองคอนเป็นผลงานของพระจิตนี่เองอ่านแล้วซึ้งใจ ประทับใจ พิศวงที่หญิงซื่อ ๆ ธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะสามารถเขียนจดหมายที่ลึกซึ้งกินใจและให้ความหมายของชีวิตคริสตชนได้อย่างชัดเจน หนักแน่นมั่นคงเช่นนั้น เราน่าจะเอาจดหมายฉบับนี้ใส่กรอบไว้อ่านรำพึงบ่อย ๆ

4. สาสน์ของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทยว่าด้วยการสถาปนาบุญราศีทั้งเจ็ดแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 กันยายน 1989 กล่าวว่า “บุญราศีทั้งเจ็ดได้นำความเชื่อมาใช้ในชีวิตประจำวันของท่าน ไม่ว่าในยามทุกข์หรือยามสุข ในยามลำบากหรือยามสบาย ชีวิตของท่านตั้งมั่นอยู่ในองค์พระเป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งยอมตายเพื่อยืนยันความเชื่อนั้น” และย้ำเตือนบรรดาเยาวชนว่า “ในสังคมยุคที่มีค่านิยมตรงกันข้ามกับความเชื่อของเรา ขอบรรดาเยาชนจงเจริญชีวิตอย่างผู้มีสติอยู่ตลอดเวลา จงรักษาค่านิยมแห่งความเชื่อคริสตชนไว้อย่างกล้าหาญและไม่หวั่นไหว และจงช่วยกันเผยแผ่ค่านิยมนี้ไปสู่เพื่อนเยาวชนโดยการดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระวรสาร จงร่วมมือกับพระศาสนจักร พ่อแม่และผู้ใหญ่ในการรักษาและถ่ายทอดความเชื่อที่ได้รับมาตั้งแต่บรรพบุรุษอยู่และมีชีวิตชีวายิ่ง ๆ ขึ้น”

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. ข้อควรจำ
1. “เขาเบียดเบียนเราอย่างไร เขาก็จะเบียดเบียนท่านอย่างนัน” (ยน 15.20)

2. ความยากลำบากเป็นเครื่องพิสูจน์ธาตุแท้ของคริสตชน ใครที่มีความเชื่อมั่นคงไม่หวั่นไหว คนนั้นแหละคือคริสตชนที่แท้จริง

3. จงเอาความเชื่อมาใช้ในชีวิตประจำวันของท่าน ไม่ว่าในยามทุกข์หรือยามสุข ในยามลกบากหรือยามสบาย ชีวิตของท่านจงตั้งมั่นอยู่ในองค์พระเป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอ

4. จงรักษาค่านิยมแห่งความเชื่อคริสตชนไว้อย่างกล้าหาญและไม่หวั่นไหว และจงช่วยกันเผยแผ่ค่านิยมนี้ไปสู่เพื่อนเยาวชนโดยการดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระวรสาร

ข. กิจกรรม  ร้องเพลง “โอ้บุญราศี”

                                    โอ้บุญราศี
(รับ) โอ้บุญราศีเจ็ดท่านนี้มีเมตตา  โปรดทรงนำมรรคาพาลูกไปในความดี
 โอ้บุญราศีเป็นสักขีความศรัทธา  โปรดทรงนำวิญญาณ์พาลูกไปในสวรรค์
1.  ข้าฯขอวอนพระองค์  โปรดได้ทรงดำรงรักจริง
     โปรดทรงอย่าประวิง  ลูกพึ่งพิงในพระองค์
2. ข้าฯ ขอวอนพระองค์  ช่วยค้ำชูครูคำสอนทุกนาม
    สู้ทนพยายาม   เพื่อแพร่ธรรมนามพระองค์
3.  ข้าฯ ขอวอนพระองค์  อย่าทอดทิ้งเหล่านักบวชชายหญิง
    ดำเนินชีพละม้าย   คล้ายพระคริสต์ผู้พลีพระชนม์
4.  ข้าฯ ขอวอนพระองค์  โปรดช่วยดลเยาวชนหญิงชาย
     อย่าเพลินอย่างงาย  ทางอบายในโลกา

 *ให้นักเรียนบทภาวนาต่อไปนี้แล้วนำไปสวดที่บ้านทุกวัน

 ข้าแต่พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยเมตตายิ่ง โปรดสดับฟังคำภาวนาของพวกลูกทั้งหลายที่กำลังกราบวิงวอนพระองค์ โปรดให้คำอธิษฐานของพวกลูกเป็นที่สบพระทัย โดยการเสนอของบุญราศีซิสเตอร์ผู้เป็นมรณสักขีทั้งสอง แห่งประเทศไทยผู้ได้พลีชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในพระองค์ ขอโปรดให้คำเสนอวิงวอนของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์

 ขอโปรดให้พวกลูกมีความเชื่อเข้มแข็งเยี่ยงท่าน มีความรักซื่อสัตย์อย่างแท้จริงต่อพระศาสนจักร ขอให้พวกลูกตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะเจริญชีวิตเพื่อพระเกียรติพระนามยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า อย่างไรก็ดี เมื่อมาสำนึกว่าพวกลูกเองยังอ่อนแอน่าสังเวชยิ่ง จึงขอโปรดเสนอวิงวอนแทนพวกลูก เพื่อจะได้รับพระเมตตาจากน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าพระบิดา ผู้ทรงพระทัยเมตตาด้วยเทอญ

(ให้เราวอนขอความต้องการส่วนตัว อาศัยการเสนอของบุญราศีซิสเตอร์ทั้งสององค์นี้)

ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย.................................อาแมน
วันทามารีอา....................................................................อาแมน
สิริพึงมี............................................................................อาแมน