ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

 ccp014.jpgบทเรียนที่ 1  เดือนกันยายน 1994
หัวข้อเรื่อง     บ้านของฉัน
จุดมุ่งหมาย  
เพื่อให้นักเรียนรู้จักรักบ้านและช่วยรักษา ตกแต่งบ้านให้สะอาดน่าอยู่อาศัย และมีบรรยากาศแบบคริสตชน

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

1. ให้นักเรียนเลือกภาพ บ้าน พร้อมคำโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันที่นักเรียนประทับใจและชอบมากที่สุด 1 แบบ 1 คำโฆษณา ติดบนกระดาษโปสเตรอ์ หรือ

2. ให้นักเรียนวาดภาพบ้านในฝัน พร้อมทั้งข้าวของเครื่องใช้ (เฟอร์นิเจอร์) ตามที่ตนต้งการให้มีในบ้าน เสร็จแล้วระบายสีให้สวยงาม หรือ

3. ให้นักเรียนเติมภาพโลโก้ให้เป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบ โดยเติมส่วนประกอบต่างๆ และเครื่องใช้ (เฟอร์นิเจอร์) ลงไปในบ้านให้ครบตามความต้องการระบายสีให้สวยงาม

เสร็จแล้ว ติดโชว์หน้าชั้น หรือ บอร์ด ประกวดความสวยงาม

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์
1. ถามความรู้สึกของนักเรียนดังนี้
- ทำไมจึงเลือกบ้านแบบนี้?
- ทำไมจึงเลือกคำโฆษณานี้?
- ทำไมจึงใส่หรือวาดเครื่องใช้ไม้สอย (เฟอร์นิเจอร์) นี้ลงในบ้านของตนหรืออยากให้บ้านของตนมีข้าวของเครื่องใช้แบบนี้

คำตอบ - สวย ใหญ่โต เรียบง่ายกๆ ฯลฯ
- มีความสะดวกสบาย
- ทันสมัย
- เพื่อความสวยงาม
- มีความสุข
- ร่มรื่น ฯลฯ
 สิ่งที่วาดใส่ในบ้านนั้นทำให้บ้านมีบรรยากาศน่าอยู่ มีความสะดวกเพระอะไร?

2. ครูช่วยแนะว่าทุกสิ่งในบ้านล้วนดีมีประโยชน์ แต่มันทำให้บ้านของเราคริสตชนเป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง? ยังขาดอะไรอีก?
คำตอบ ยังขาด พระแท่น รูปพระ กางเขน รูปแม่พระ พระคัมภีร์ ฯลฯ

 ไม้กางเขน เป็นจุดเด่นหรือส่วนสำคัญที่สุด เพราะไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายแสดงถึงพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง จึงควรประดิษฐานให้เด่นเป็นสง่าอยู่ในบ้านเหนือสิ่งอื่นใด

พระคัมภีร์ เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุพระวาจาของพระเจ้าและข่าวดีของพระองค์ ซึ่งเปรียบประดุจเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงวิญญาณ สมควรตั้งไว้บนพระแท่นในบ้าน ซึ่งเปรียบเสมือนโต๊ะอาหารฝ่ายวิญญาณ คนในบ้านจะได้หยิบอ่านหรือรับอาหารฝ่ายวิญญาณนี้ทุกวัน

เทียน เป็นเครื่องหมายถึงความเชื่อ เราจุดเทียนเวลามีพิธีหรือสวดภาวนาเพื่อเตือนใจเราให้มีความเชื่อ พิธีหรือคำภาวนาจึงจะเกิดผล เทียนไม่มีฤทธิ์ในตัวของมันเอง แต่ต้องอาศัยความเชื่อของเรา

ธูป  ก็เหมือนกับกำยานเป็นเครื่องหมายถึงคำภาวนาอ้อนวอน ความเคารพเทิดทูนที่เรามีต่อพระเป็นเจ้า ลอยเป็นควันขึ้นไปหาพระองค์

ดอกไม้ เป็นเครื่องหมายถึงความปรารถนาดี หรือของขวัญที่เราถวายให้แด่พระเป็นเจ้าแทนดวงใจของเรา

น้ำเสก เป็นเครื่องหมายถึงพระหรรษทาน พระพร และความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า เมื่อเราปะพรมน้ำเสกให้กับผู้ใดก็เท่ากับเป็นการให้ศีลให้พร ให้ความเจริญด้วยพระพรของพระเป็นเจ้า

หมายเหตุ ครูควรสอนให้เด็กรู้จักรูปต่างๆ บนพระแท่นที่บ้านของตนให้ถูกต้องตามลำดับความสำคัญ เช่น ไม้กางเขนหรือรูปพระเยซูต้องอยู่ตรงกลาง รูปแม่พระอยู่ทางขวาของแท่รน รูปนักบุญอยู่ทางซ้ายของแท่น รูปอื่นๆ เช่น รูปดาราไม่ควรเอามาประดับปะปนด้วย พระคัมภีร์ต้องใส่พานวางไว้บนพระท่าน หรือบนโต๊ะหนังสือ ในครัว ในกล่อง ฯลฯ

สรุป นักเรียนยังโชคดีที่มีบ้านที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แม้จะไม่ค่อยสะดวกสบาย โอ่อ่า สวยงาม ดังในรูปที่ติดโชว์ และจากภาพที่นักเรียนวาดเอาไว้ แสดงว่านัเรียนรักและอยาให้บ้านสวยงาม น่าอยู่ มีเครื่องใช้ไม้สอยที่ทันสมัยนั้นเป็นสิ่งดี บ้านที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องมีบรรยากาศคริสตชน เพราะว่าพระเป็นเจ้าเป็นศูนย์กลางของบ้าน บรรยากาศแบบคริสตชนคือ มีการสวดภาวนาพร้อมกัน มีพระแท่น ไม้กางเขน พระคัมภีร์ ฯลฯ ที่ให้บรรยากาศคริสตชน พระแท่นที่บ้านของเรา มิใช่มีไว้เพื่อความสวยงาม หรือเป็นเครื่องประดับบ้าน ซึ่งมักจะถูกละเลยไว้ให้สกปรก ไม่มีใครเอาใจใส่ แต่ควรเป็นสถานที่ที่แสดงออกถึงชีวิตคริสตชนและหล่อเลี้ยงชีวิตคริสตชนให้เจริญยิ่งๆ ขึ้น

ขั้นที่ 3 คำสอน
1. พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ทรงเห็นผู้คนตั้งโต๊ะแลกเงิน ขายแพะ แกะ วัว นกเขา นกพิราบ สำหรับถวายเป็นเครื่องบูชา พระองค์ทรงพระพิโรธจึงทรงเอาเชือกมาควั่นเป็นแส้ไล่ตีพ่อค้าเหล่านั้นกระจุยกระจายไป พระองค์ตรัสว่า “บ้านของพระบิดาของเราเป็นบ้านสำหรับสวดภาวนา แต่พวกเจ้ากลับมาทำเป็นซ่องโจร” (มก 11:17)

2. บ้านของคริสตชนคือวัดน้อยๆ ซึ่งเป็นรูปแบบของบ้านของพระเป็นเจ้า ถ้าพระเยซูเจ้าเสด็จมาเข้าบ้านเรา พระองค์จะว่าอย่างไร? เมื่อทรงเห็นรูปดาราติดอยู่มากมาย เห็นเครื่องตบแต่งประดังต่างๆ แต่ขาดพระแท่น หรือมีพระแท่นก็รกรุงรังข้างของวางระเกะระกะไปหมด แถมมีหยากไย่ไยแมลงมุมแขวนประดับอีกต่างหาก
ถ้าเราอยากให้พระเยซูเจ้าเสด็จมาประทับที่บ้านเรา เราต้องจัดบ้านของเราเสียใหม่ให้เรียบร้อย สิ่งไหนที่ขัดจับจิตตารมณ์คริสตชน ทำให้บ้านเราเป็นซ่องโจร ก็ต้องขจัดออกไปเสีย

3. ศูนย์กลางของบ้านคือพระแท่น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญหรือหัวใจของบ้าน พระแท่น (พร้อมกับสิ่งที่อยู่บนพระแท่น) มิใช่มีไว้เป็นเครื่องประดับบ้าน แต่เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติชีวิตคริสตชน ได้แก่ สวดภาวนา อ่านพระคัมภีร์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจทุกคนในบ้าน จึงควรใช้พระแท่นให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

4. บ้านจะสุขมิใช่อยู่ที่ตัวบ้านเอง แต่อยู่ที่ผู้อาศัย ถ้าผู้อาศัยรักใคร่ปรองดองกันกระท่อมก็กลายเป็นสวรรค์ แต่ถ้าผู้อาศัยทะเลาะเบาะแว้งเกลียดชังกัน คฤหาสน์ก็กลายเป็นนรก จึงพร้อมๆ กันที่เราดูแลเอาใจใส่บ้านของเรานั้น เราก็ควรสนใจผู้อาศัยเป็นพิเศษ ได้แก่ พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย เพื่อให้บ้านของเราเป็นวิมานอย่างแท้จริง

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ
ก. ข้อควรจดจำ
1. ศูนย์กลางของบ้าน คือ พระแท่น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญหรือหัวใจของบ้าน พระแท่นมิใช่มีไว้เป็นเครื่องประดับบ้าน แต่เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติชีวิตคริสตชน ได้แก่สวดภาวนา อ่านพระคัมภีร์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจทุกคนในบ้าน
2. สิ่งของที่ควรมีไว้บนพระแท่นได้แก่ ไม้กางเขน รูปพระ เทียน พระคัมภีร์ น้ำเสก ดอกไม้ ธูป

ข. เขียนพระวาจาในพระคัมภีร์ แล้วนำไปติดหน้าพระแท่นที่บ้าน แทนพระวาจาเดิม “บ้านของพระบิดาเป็นบ้านสำหรับสวดภาวนา แต่เจ้าทั้งหลายกลับกระทำให้กลายเป็นซ่องโจร” (มก 11:17)

ค. ครูจัดพิธีกรรมสั้นๆ ต่อหน้าพระแท่นที่เด็กได้ช่วยกันเตรียมไว้แล้ว มีไม้กางเขน พระคัมภีร์ ธูป เทียน ดอกไม้
- ครูจุดธูปเทียน นักเรียนร้องเพลง “บ้านแสนสุข”
- อ่านพระวรสาร มก 11:15-19 พร้อมกับอธิบายสั้นๆ
- ครูนำสวดภาวนา เสร็จแล้วให้มีการถวายช่อดอกไม้ โดยวางบนพระแท่น
- ร้องเพลง “ช่อดอกไม้” ในระหว่างถวายช่อดอกไม้

ง. การบ้าน ให้นักรเยนกลับไปจัดพระแท่นที่บ้านของตนให้สะอาดเรียบร้อย สวยงาม ประดับดอกไม้ และหมั่นเปลี่ยนบ่อยๆ และสวดภาวนาพร้อมกันหน้าพระแท่นทุกวันหรือบ่อยๆ

บ้านแสนสุข
บ้าน ฉัน ส-ถานที่มีความ สุข ห่างจากทุกข์ เหตุร้ายและภัยทั้งผอง
อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่พี่น้อง ต่างปรองดองรักใครเป็นใจเดียว กัน
แต่ฉันก็มีที่อันสุข กว่า อยู่หาก ฟ้า สุขแสนคือแดน ส-วรรค์ หากฉัน
มุ่งทำดีครบ ครัน เป็น รางวันประทานจากพระฉัน แดน ฟ้าสวรรค์
ห่าง ไกล คิดทีไร จับใจ ถิ่น ไหนไม่ปาน ทุกวัน เวลา จะพาให้ใจสำราญ
สุข ชื่นบาน สถานวิมาจริง ใจ  สถานที่นั้น พระมั่นสัญญา จะได้มาด้วย หวัง
สร้างความดีไว้ จะแสนสุขร่มเย็นพ้นภัย ตลอดไป ชั่วดินและฟ้าสลาย

เนื้อหาและบทเรียน