ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

คุณธรรมความหวัง (Hope)
คุณธรรมที่เกี่ยวกับพระเจ้า
หรือ ความใฝ่ฝันเมืองสวรรค์

         เราได้เรียนรู้แล้วว่า คุณธรรมความเชื่อศรัทธา (Faith) เปิดเผยให้เราทราบแผนการเหนือธรรมชาติของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเรา เป็นเพราะความเชื่อศรัทธาเราจึงรู้ว่าเป้าหมายและความสมบูรณ์ของชีวิตมนุษย์แต่ละคนนั้นเป็นการเดินทางไปสู่เมืองสวรรค์ เมื่อเรารู้ความจริงนี้แล้ว เราจึงเริ่มต้นดำเนินชีวิตไปตามเป้าหมายนั้น นี่จึงเป็นเรื่องของ “คุณธรรมความหวัง” คือ “ความใฝ่หาของแต่ละคนที่จะไปให้ถึงเมืองสวรรค์” ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เป็นไปได้แต่ยังไม่รับประกันว่าจะไปถึงได้หรือไม่อย่างแน่นอนหรือไม่

         ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขที่จำเป็นสามประการในคุณธรรมความหวังนี้ ประการแรก คือ ความใฝ่หาพระอาณาจักรของพระเจ้า ประการที่สอง คือ การไปเมืองสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ (ถ้าเป็นไปไม่ได้ เราก็ไม่ต้องพยายาม) และประการที่สาม คือ การไปไม่ถึงเมืองสวรรค์นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เช่นกัน (ถ้าเข้าสวรรค์ได้แน่นอน ทำไมท่านต้องมุ่งมั่นด้วยอีกเล่า)

         น่าเสียดาย ที่เรามักจะได้ยินว่าความใฝ่หาเมืองสวรรค์นั้นเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตในโลกนี้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น คาร์ล มาคซ์ เคยกล่าวไว้ว่า “ศาสนาเป็นยาเสพติดของประชาชน” และไม่นานมานี้ คาร์ล เชแกน (นักดาราศาสตร์ 1934-1996) ได้อ้างว่า “ชีวิตเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งของความพิศวงในจักรวาลที่น่าทึ่ง และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ได้เห็นว่าคนจำนวนมากจินตนาการไปกับเรื่องของจิตวิญญาณ" คนเรามักคิดว่าการมีความคิดเกี่ยวกับชีวิตหน้าเป็นวิธีการง่าย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความชั่วหรือการทำความดีในโลกนี้เท่านั้น

        ซึ่งตรงกันข้ามสำหรับบุคคลที่ใฝ่ฝันเมืองสวรรค์ พวกเขาจะเป็นบุคคลที่จะทำความดีเพื่อสังคมให้มากที่สุด ซี.เอส. เลวิส (1898-1963, นักเทววิทยาและนักเขียนชาวอังกฤษ) ได้สะท้อนให้เห็นความจริงข้อนี้ได้อย่างชัดเจนว่า "ถ้าท่านอ่านประวัติศาสตร์โลก ท่านจะพบว่าบรรดาคริสตชนผู้ที่ทำความดีในโลกจนถึงปัจจุบันล้วนแต่เป็นบุคคลที่ใฝ่หาโลกหน้าเสมอ เช่น บรรดาอัครสาวกเอง บรรดาผู้ที่ทำให้จักรพรรดิโรมันกลับใจ บรรดาบุคคลสำคัญ ๆ ในยุคกลาง คริสตชนอังกฤษเองที่ได้ยกเลิกการค้าทาส ทุกคนต่างได้ทิ้งร่องรอยที่มีคุณค่าไว้ให้โลกเพราะใจของพวกเขาปักแน่นกับเมืองสวรรค์”

        แต่ในความจริงยังมีบุคคลจำนวนมากที่ยังขาดพลังในการดำเนินชีวิต ขาดความหวัง ขาดการแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า ขาดการแสวงหาความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งส่งผลต่อการใฝ่หาความสมบูรณ์ของชีวิต ดังนั้นท่านต้องการที่จะสร้างความแตกต่างในชีวิตหรือไม่ ท่านต้องการเปลี่ยนแปลงโลกนี้หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นจงเริ่มต้นโดยมอบชีวิตทั้งหมดของท่านไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าตั้งแต่เวลานี้

ความหมายตามคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (ข้อ 1817)

ความหมายตามคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (ข้อ 1817)

          ความหวังเป็นคุณธรรมเกี่ยวกับพระเจ้าที่ช่วยให้เราใฝ่หาพระอาณาจักรสวรรค์และชีวิตนิรันดรเป็นความสุขของเรา โดยวางความมั่นใจของเราไว้กับพระสัญญาของพระคริสตเจ้า ไม่วางใจในกำลังของเรา แต่วางใจในความช่วยเหลือจากพระหรรษทานของพระจิตเจ้า “เราจงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามีอยู่ เพราะว่าพระผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์” (ฮบ 10:23) พระองค์ “ทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงเหนือเราอย่างอุดมโดยทางพระเยซูคริสตเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา เพื่อพระหรรษทานของพระองค์จะบันดาลให้เรากลับเป็นผู้ชอบธรรมและเป็นทายาทในความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร” (ทต 3:6-7)

ความใฝ่หาเมืองสวรรค์

ความใฝ่หาเมืองสวรรค์

          องค์ประกอบสำคัญของความหวังก็คือ “ความใฝ่หาเมืองสวรรค์” พวกเราจำนวนมากรู้ว่าเราควรแสวงหาความดีเหนือธรรมชาติ แต่เรากลับไม่ต้องการเมืองสวรรค์อย่างจริง ๆ จัง ๆ ความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้ากลายเป็นสิ่งที่ไม่ดึงดูดใจบุคคลส่วนใหญ่ สำหรับพวกเขาสวรรค์ไม่มีจริง ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ความมุ่งมั่นปรารถนาความสุขในโลกหน้าให้เกิดและเพิ่มพูนขึ้น

         หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เราขาดแรงดึงดูดใจที่เข้มข้นในการแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าหรือเมืองสวรรค์ก็คือ ความคิดที่เลือนลางของเราเกี่ยวกับเมือสวรรค์ เมื่อเราคิดถึงเมืองสวรรค์ เรามักคิดถึงห้องสีขาวสว่างสดใส หรือคณะนักขับร้องที่ร้องเพลงอัลเลลูยาตลอดทั้งวันทั้งคืน หรือกลุ่มคนที่นั่งเล่นพิณอยู่บนก้อนเมฆ  แน่นอนความคิดถึงสวรรค์เช่นนี้ สวรรค์ช่างไม่น่าไปเลย สวรรค์ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับชีวิตหน้าเลย เราขาดมุมมองเรื่องพระสิริรุ่งโรจน์ สง่าราศี ความชื่นชมยินดี และความสุขที่สมบูรณ์ครบครันที่คอยเราอยู่เมื่อเราได้กลับไปบ้านของพระเจ้า

         อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หลายคนคิดว่าพระเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา ถ้าเรามุ่งหน้าหาแต่พระเจ้าและเมืองสวรรค์ เราก็จะสูญเสียทุกอย่างในโลกนี้ตลอดไป ความคิดเช่นนี้แสดงออกในคำพูดในทำนองนี่ "เอาเถอะ คุณมีชีวิตอยู่เพียงชีวิตเดียว จงสนุกกับมันตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่”

         เพื่อจะต่อสู้กับความคิดเช่นนี้ เราต้องเตือนตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงความจริงที่ว่าถ้าเราบรรลุถึงพระเจ้าแล้ว เราก็จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีในโลกนี้เป็นรางวัลด้วย เปรียบเทียบเรื่องน้ำพุกับน้ำในแก้ว ถ้าคนหนึ่งพบน้ำพุใหญ่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ เขาจะยังอยากได้น้ำในแก้วเดียวนั้นหรือไม่ คำตอบคือ ไม่อย่างแน่นอน น้ำในแก้วนั้นเทียบอะไรกับน้ำพุทั้งหมดนั้นได้เล่า นี่เป็นความจริงเช่นเดียวกับเมืองสวรรค์ ถ้าท่านได้สวรรค์แล้ว เราก็ไม่รู้สึกว่าเราได้เสียอะไรไปเลย เพราะเราจะมีทุกอย่างในเมืองสวรรค์ และยังสมบูรณ์แบบมากกว่าด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงประกาศว่า "ผู้ใดที่สละบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตร ไร่นาเพราะเห็นแก่เรา ก็จะได้รับตอบแทนร้อยเท่า และจะได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดกด้วย” (มธ 19:29)

         ดังนั้น เราต้องสร้างความคิดใหม่ เราต้องถามตัวเราเองว่า "อะไรทำให้ชีวิตของฉันมีความสุขที่แท้จริงมากที่สุด” “ฉันมีความสุขกับอะไรมากที่สุด” แล้วเราจะสำนึกได้ว่าสวรรค์นั้นแหละเป็นที่รวมของความสุข ทั้งหลาย สวรรค์เท่านั้นที่ยิ่งใหญ่กว่าและถาวรกว่า การคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับความงามและความปีติสุขของเมืองสวรรค์จะช่วยจุดประกายความมุ่งมั่นปรารถนาในความดีเหนือธรรมชาติ และจะเพิ่มพูนความหวังให้มากยิ่งขึ้น

          สิ่งนี้จะนำเราไปสู่ความหมายของการมี “จิตใฝ่สูง” ซึ่งเป็นคุณธรรมหนึ่งภายใต้คุณธรรมความหวัง จิตใฝ่สูงนี้เป็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นจิตใจที่ใฝ่ดี และยังหมายถึงจิตที่มุ่งไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า สูงกว่า ดีกว่า ประเสริฐกว่า เป็นจิตที่มีความทะเยอทะยานสูง เป็นความทะเยอทะยานที่จะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ท่านสามารถเป็นได้ (คือ นักบุญ/ผู้ศักดิ์สิทธิ์) และสำเร็จเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือ การมีชีวิตที่ชิดสนิทกับพระเจ้า

          เพราะว่าพวกเราหลายคนขาดจิตใฝ่สูง เราจึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายชีวิตของเราให้สูง แต่พึงพอใจอยู่กับสิ่งไร้สาระธรรมดา ๆ เราปล่อยชีวิตให้จมปลักอยู่กับโครงการเล็ก ๆ น้อย ๆ สังคมที่ปราศจากจิตสำนึกถึงพระเจ้าหรือไม่ต้องการพึ่งพาพระองค์เป็นสังคมที่ตัดสินใจวางชีวิตไว้กับเรื่องธรรมดา ๆ และเรื่องทางโลกทั่วไป ในฐานะที่เป็นคาทอลิก เราต้องเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน เป็นความทะเยอทะยานที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อเป็นเกียรติยศอันสูงส่งและเพื่อสง่าราศี เราต้องยืนหยัด ต้องเสริมความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระเจ้า เปลี่ยนแปลงโลกเพื่อพระเจ้า เพื่อที่จะได้รับเกียรติยศและสง่าราศีที่มาจากการรับรองของพระเจ้า

ความสิ้นหวัง ภัยคุกคามความหวัง

ความสิ้นหวัง ภัยคุกคามความหวัง

         อย่างที่เราได้เรียนรู้ถึงความหมายของคุณธรรมความหวัง เพราะคุณธรรมนี้ช่วยทำให้คนเรารับรู้เรื่องความสุขในเมืองสวรรค์ โดย ก) เป็นเรื่องที่เรามุ่งมั่นปรารถนาได้  ข) เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และ ค) เป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะได้รับอย่างแน่นอน ถ้าคนใดขาดความจริงข้อใดข้อหนึ่ง เขาก็จะไม่มีความหวัง ด้วยเหตุนี้จึงมีพยศชั่วสองประการที่ขัดขวางโดยตรงต่อคุณธรรมเกี่ยวกับพระเจ้าประการที่สองนี้

        ภัยคุกคามแรกของความหวังคือ “ความสิ้นหวัง ความสิ้นหวังไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรู้สึกเศร้าโศก ซึมเศร้า เก็บกด หรือท้อแท้ สิ่งที่มากกว่านั้นคือ เป็นการปฏิเสธที่จะมุ่งมั่นเพื่อพระเจ้า ปฏิเสธการดำเนินชีวิตเพื่อเมืองสวรรค์ หรือยึดสวรรค์เป็นเป้าหมายของชีวิต

        ผู้คนตกอยู่ในความสิ้นหวังด้วยหลากหลายเหตุผลด้วยกัน แต่ที่สุดแล้ว สาเหตุแห่งความสิ้นหวังสามารถสรุปได้สองประเภท ประเภทแรกคือ “มุ่งเน้นไปที่ตัวเอง” มากเกินไป เราให้ความสำคัญกับความเข้มแข็งหรือความอ่อนแอของตนเอง และที่สุดก็พบว่าอาศัยตนเองไม่เพียงพอที่จะเอาตัวให้รอดพ้นจากบาปได้ จึงยอมแพ้ ยกเลิกที่จะเป็นคนศักดิ์สิทธิ์และแสวงหาความสุขแท้ เราคิดว่าเราไม่สามารถทำได้ "ฉันอ่อนแอเกินไป ฉันเป็นคนบาปหนา ทำไมฉันจึงต้องพยายามทำอีกต่อไปเล่า" แน่นอนเราอ่อนแอและเป็นคนบาปเกินไปที่จะบรรลุถึงเมืองสวรรค์ได้ด้วยตัวของเราเอง นี่แหละที่ทำให้เราต้องมองไปที่พระเยซูคริสต์ และวอนขอพระเมตตาและพละกำลังจากพระองค์ คิดเสมอว่า "สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้"(มธ 19:26) เรื่องที่ดีมากที่สอนใจเราถึงอันตรายประการนี้คือ เรื่องของนักบุญเปโตรตราบใดที่เขามอบความไว้วางใจในพระเจ้า เขาก็สามารถเดินบนน้ำได้ แต่เมื่อเขาหันมาไว้วางใจในความสามารถของตนเองเขาก็เริ่มจมน้ำ เรื่องนี้เป็นความจริงสำหรับตัวเราด้วย

การยึดติดในบาป ภัยคุกคามความหวัง

การยึดติดในบาป ภัยคุกคามความหวัง

          ภัยคุกคามประการที่สองของความหวังคือ “การยึดติดในบาป” หลายครั้งหลายหนที่เราไม่อยากติดตามพระเจ้า ก็เพราะเรารู้ว่าต้องเลิกทำบาปอย่างสิ้นเชิง เป็นบาปที่เราคุ้นเคยจนเป็นนิสัย ดังนั้นเราจึงเลือกทำตามนิสัยไม่ดีที่คุ้นเคยแทนความชื่นชมยินดีที่แท้จริง

         ความสิ้นหวังแสดงออกในหลายรูปแบบด้วยกัน หนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุด คือ “ความเกียจคร้านหรือเฉื่อยชา” ซึ่งเป็นสภาพของคนที่เหงาหงอยไม่สนใจสภาพของตัวเองและไม่ใส่ใจสิ่งใด ๆ ในโลก อาการนี้อาจจะทำให้เราไม่สามารถทำหน้าที่ของเราในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งอาการนี้มีความคล้ายกับคำว่าซึมเศร้า ไม่นำพาที่จะทำตัวเองให้บรรลุถึงกับความยิ่งใหญ่ที่ได้รับการเรียกให้เป็น เพราะเขารู้ว่ามันจะทำให้ชีวิตยุ่งยากแตกต่างไป เป็นการลดความมีจิตใจสูงหรือจิตใฝ่ดีของตนเองไปด้วย "ฉันไม่ต้องการที่จะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่อะไร ไม่ต้องการเป็นนักบุญ ไม่ต้องการที่จะเป็นบุตรของพระเจ้า ไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษแห่งความเชื่อ คุณรู้ไหมว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากแค่ไหน และจะต้องเสียสละมากเท่าใด ไม่ล่ะ ขอบใจ ฉันมีความสุขที่จะอยู่แบบเดิมนี้แหละ” ไม่ว่าความคิดที่ยึดติดอยู่กับตนเองหรือการยึดติดอยู่กับบาป มันชัดเจนว่าแรงผลักดันนี้จะกีดกันคนเราจากการบรรลุถึงความสุขที่สมบูรณ์

         อาการที่พบบ่อยๆ ของความสิ้นหวังก็คือ “ความว้าวุ่นใจ” คนจำนวนมากในสังคมเป็นคนประเภท พึงพอใจหรือไม่อย่างไรก็ไม่รู้ จะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่บอกไม่ถูก รักหรือไม่รักก็ไม่ชัดเจน มีอาการครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในทุกเรื่อง จะทำดีก็ได้ จะทำไม่ได้ดีก็ได้ ในความคิดของพวกเขา พวกเขารู้ว่าควรที่กระทำสิ่งที่สูงกว่า แต่เพราะความว้าวุ่นใจจึงลืมสิ่งที่ดีกว่านั้น เหมือนกับนักเรียนที่อยู่ในห้องสมุดเวลากลางคืนก่อนที่จะสอบครั้งสำคัญ เขารู้ว่าเขาควรเตรียมตัวเพื่อการสอบมาก่อน แต่เขาไม่เรียน เขาไม่แม้กระทั่งคิดเกี่ยวกับการสอบเลย ดังนั้นเขาจึงเดินวนไปรอบ ๆ ห้องสมุดเพื่อค้นคว้าเผื่อจะได้พบอะไรบ้างที่จะช่วยให้เขาเอาตัวรอดไปได้ เขาอ่านหัวข้อจากหนังสือต่าง ๆ ที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เขาเปิดหน้าโน้นหน้านี้ สอบถามบรรณารักษ์ ทำไปอย่างเบื่อหน่าย เริ่มรู้สึกปวดท้องและคิดว่าตนเองจะต้องสอบตกแน่ ๆ

         นี่คือสังคมของเรา เรารู้ว่าเราควรใช้เวลาของเราให้มีค่ามากกว่านี้ แต่เรากลับไม่ชอบพูดถึงและไม่ต้องการแม้แต่จะคิดถึงมัน ดังนั้นเราจึงมองหาอะไรที่ล่อใจหรือดึงดูดเรา อะไรที่มันจะช่วยทำให้ความรู้สึกผิดนั้นลดน้อยลง ดังนั้นทุกวันนี้จึงมีความเงียบน้อยลง ไอพอด ทีวี ท่องเที่ยว อินเตอร์เน็ต ทำให้สมองของเราวุ่นไปกับจินตนาการของเสียงและภาพต่าง ๆ อย่างไรก็ตามคนก็ยังเบื่อและป่วยด้วยความทุกข์กังวล เพราะมีแรงกดดันและความต้องการต่างๆ เข้ามาในชีวิตโดยที่เขาไม่รู้ตัว นี้เป็นโรคร้ายแห่งความสิ้นหวังที่เราจะต้องแสวงหาวิธีที่จะกำจัดมันให้ออกจากชีวิตของเรา และชีวิตของคนรอบข้าง

         “การสันนิษฐาน” เป็นอีกอาการหนึ่งของความสิ้นหวังที่เราอาจจะไม่ได้พูดถึง สิ่งนี้เป็นพยศชั่ว (ความโน้มเอียงในการทำชั่วร้าย) หมายความว่า การที่คน ๆ หนึ่งมั่นใจว่าตนเองได้เมืองสวรรค์อย่างแน่นอน "ฉันดีพอที่จะได้รับความรอดแล้ว" ความคิดเช่นนี้แหละที่มันจะขัดขวางเราไม่ให้มุ่งมั่นเข้าหาพระเจ้าและเมืองสวรรค์ เพราะถ้าท่านคิดว่าท่านจะได้รับแน่นอนแล้วจะไปทุ่มเทเพื่ออะไร

       การที่หลาย ๆ คนต้องทุกข์ทรมานจากการสันนิษฐานหรือทึกทักเอาเองเป็นเพราะ 1) เขามั่นใจในความสามารถของตนเองมากเกินไป หรือ 2) เขามั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงเมตตา “ทำให้ทุกอย่างราบรื่น” ได้ในที่สุด ความหลงผิดนี้กำลังแพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวางในสังคมของเรา คือ การคิดว่าด้วยพระทัยดีของพระเจ้า พระองค์จะทรงต้อนรับทุกคนเข้าสู่สวรรค์ และนรกนั้นไม่มีอีกต่อไป

         แต่ความจริงคือพระเจ้าไม่ทรงบังคับท่านให้เลือกพระองค์ พระองค์ไม่ลากใครเข้าสวรรค์แน่ๆ ถ้าคนนั้นเลือกที่จะดำเนินชีวิตที่แปลกแยกจากพระองค์ พระองค์จะทรงอนุญาตให้เขาตัดสินใจได้อย่างเสรีเพื่อการดำเนินชีวิตเช่นนั้นต่อไปจนถึงชีวิตหน้า คือ "นรก" นั้นเอง นรกก็คือ การตัดสินใจอย่างเสรีของบุคคลที่จะดำเนินชีวิตแยกออกจากพระเจ้าอย่างถาวร และนี่คือความจริงที่เกิดขึ้นจากการเลือกที่จะไปอยู่ที่นั้นอย่างถาวร นี่แหละทำไมจึงอันตรายที่จะพูดว่า "เมื่อจะรอด อย่างไรก็รอด" หรือ "ไม่เชื่อว่านรกมีอยู่จริง" แนวความคิดเช่นนี้ทำให้เราไม่มุ่งมั่นใฝ่หาเมืองสวรรค์ ไม่พยายามที่ปรับปรุงตนเองให้พ้นจากบาป การสันนิษฐานเช่นนี้เป็นความตายของความสิ้นหวัง เพราะมันจะทำให้ความจริงจังในความหวังหมดไป

ความหวัง ความเป็นหนุ่มเป็นสาว และการมองโลกในแง่ดี

ความหวัง ความเป็นหนุ่มเป็นสาว และการมองโลกในแง่ดี

           ความหวังมักจะเป็นของคู่กันกับคนหนุ่มสาว เมื่อพวกเขาอยู่ในวัยหนุ่มสาว พวกเขาจะมีชีวิตที่มุ่งไปข้างหน้า และมีพลังที่จะกระทำเพื่อสิ่งอัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขาในอนาคต พวกเขามุ่งความสนใจกับสิ่งที่ดีที่อยู่ในคลังสมองของพวกเขา ซึ่งมันยังไม่ได้ เกิดขึ้นจริงในชีวิต และนี่แหละเป็นคุณค่าและความงดงามของคุณธรรมความหวัง สำหรับบุคคลที่มีความศรัทธาในพระเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ ความหวังคือ การมุ่งหน้าไปหาพระเจ้าและเมืองสวรรค์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต เป็นการเพ่งมองไปยังชีวิตข้างหน้าที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นความหวังแบบคนหนุ่มคนสาว ซึ่งทำให้มีชีวิตสดชื่น รื่นเริงอยู่เสมอ

         ที่สุดผู้คนทั้งหลายรวมทั้งคนหนุ่มสาวต่างเติบโตมาท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การกดดัน หรือด้วยท่าทีของการมองโลกในแง่ร้าย "เติบโตหรือ พัฒนาหรือ ทำดีหรือ" "ชีวิตช่างยุ่งยากลำบากไปจนกว่าจะตายล่ะ เราไม่ต้องไปเสแสร้งอะไรอีก เรายอมรับอย่างเปิดอกว่าชีวิตนี้น่ากลัวและไม่มีความหมายอะไร อีกไม่หน่อยคุณก็จะรู้เองว่ามันยุ่งยากขนาดไหน ทางที่ดีคือปล่อยตัวตามสบาย และอย่าไปคาดหวังอะไรมากนัก”

         เราจะเห็นแนวคิดนี้ถูกแสดงออกในศิลปะสมัยใหม่ ดนตรี และในวรรณกรรมต่า งๆ บทเพลงที่ไร้สาระ ภาพวาดที่กระตุ้นอารมณ์ เนื้อเรื่องที่ขาดทิศทางและทางออก มันอาจจะเศร้าหมองหรือหดหู่ใจบ้าง แต่มันก็จะอยู่ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องมีความหวังอะไร

          อย่างไรก็ตาม คาทอลิกที่ซื่อสัตย์ปฏิเสธความคิดเช่นนี้ และคิดว่ามันว่างเปล่า ไร้สาระ ขี้ขลาด และเสื่อมถอย เขาปฏิเสธเพราะเขาได้มองเห็นความงดงามโลกของพระเจ้าและความงามที่ยิ่งใหญ่ที่จะได้พบในสวรรค์ของพระเจ้า ดังนั้นศิษย์พระคริสต์จึงมีชีวิตในความหวัง ด้วยการมองโลกในแง่ดี ด้วยความกระตือรือร้นแบบคนหนุ่มคนสาว และเขาจะกลับกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เขาจะใช้ชีวิตของเขาอย่างคุ้มค่า เขาจะเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกและจะได้บรรลุถึงความดีเหนือธรรมชาติ พระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะประทานความสุขที่แท้จริงให้เราได้

ข่าว-ประชาสัมพันธ์

กิจกรรมสะสมแสตมป์
กิจกรรมสะสมแสตมป์ "ลูเช่และผองเพื่อน ชวนไปวัด" 2025 {gallery}photo/2025/stamp-book-2025{/gallery}
ชุมนุมและฟื้นฟูจิตใจคริสตชนใหม่ สังฆมณฑลราชบุรี ครั้งที่ 3
👟"การจาริกแห่งความหวัง"ชุมนุมและฟื้นฟูจิตใจคริสตชนใหม่ สังฆมณฑลราชบุรี ครั้งที่ 3❤️วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2024 ศูนย์คริสตศาสนธรรม ราชบุรี...
พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และปิดการอบรมค่ายคำสอนภาคฤดูร้อน ปี 2025
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2025 เวลา 09.30 น. พระคุณเจ้าซิสวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี...

Youcat-คำสอนเยาวชน

Youcat 91 ทำไมเราจึงต้องส่งต่อความเชื่อ ?
📍ทำไมเราจึงต้องส่งต่อความเชื่อ ?#YOUCAT 91 บอกเราว่า...📕เราส่งต่อความเชื่อเพราะพระเยซูเจ้าตรัสสั่งเราไว้ “จงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา”(มธ...
Youcat 137 ทำไมจึงเรียกพระศาสนจักรว่าสืบต่อจากอัครสาวก ?
ทำไมจึงเรียกพระศาสนจักรว่าสืบต่อจากอัครสาวก ? #YOUCAT 137 บอกเราว่า....
Youcat 218 วิธีที่ถูกต้องในการถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงประทับอยู่ในแผ่นปังและเหล้าองุ่นคืออะไร ?
วิธีที่ถูกต้องในการถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงประทับอยู่ในแผ่นปังและเหล้าองุ่นคืออะไร ? #YOUCAT 218 บอกเราว่า...

พระวาจานำชีวิต

หนังสือแห่งชีวิต
คงเป็นการดีที่ชื่อของเราถูกจารึกในหนังสือแห่งชีวิต ถูกจารึกไว้ในสวรรค์ ให้พระวาจาพระเจ้าชี้ทางเดินเพื่อนำไปสู่ชีวิตนิรันดร พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า "คนที่ทำบาปต่อเราต่างหากที่เราจะลบชื่อของเขาออกจากหนังสือของเรา"...
ใจร้อนรน
ขอพระวาจาพระเจ้าช่วยเราให้มีใจร้อนรนในการดำเนินชีวิตคริสตชน ขอท่านนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล เป็นแบบอย่างและเสนอวิงวอนเพื่อเรา พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ก่อนที่เราปั้นท่านในครรภ์มารดา...
จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเรา
พระวาจาพระเจ้าให้แนวทางแก่เรา บอกเราถึงสิ่งที่เราจะต้องทำ เพื่อให้ทุกขณะของชีวิตเราเป็นการระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า วันนี้จะเป็นวันที่ท่านทั้งหลายต้องจดจำไว้ ท่านต้องถือเป็นวันฉลองถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์...

คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน ค.ศ.2020

DC228 ชีวิตคู่และชีวิตครอบครัวดำเนินชีวิตตามแผนการของพระเจ้าถือเป็นพระวรสารในตัวเอง
ชีวิตคู่และชีวิตครอบครัวดำเนินชีวิตตามแผนการของพระเจ้าถือเป็นพระวรสารในตัวเอง ซึ่งสามารถอ่านความรักที่พระเจ้าให้เปล่าและอดทนต่อมนุษยชาติโดยอาศัยคุณธรรมของศีลสมรสคู่สมรสคริสตชนมีส่วนร่วมในธรรมล้ำลึกของเอกภาพและความรักที่เกิดผลระหว่างพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรการสอนคำสอนในครอบครัวจึงมีหน้าที่ทำให้สิ่งนี้ปรากฏต่อผู้ที่มีส่วนร่วมในชีวิตครอบครัว เหนือสิ่งอื่นใดต่อคู่สมรสและบิดามารดา ของขวัญที่พระเจ้าประทานให้พวกเขาผ่านทางศีลสมรส *บทที่...
DC227 ครอบครัวคือการประกาศความเชื่อในสถานที่ตามธรรมชาติ
ครอบครัวคือการประกาศความเชื่อในสถานที่ตามธรรมชาติที่ความเชื่อสามารถดำรงอยู่ได้ในลักษณะเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติครอบครัว “มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือการถ่ายทอดพระวรสารได้รับการพัฒนาขึ้นในสิ่งแวดล้อมอันประกอบด้วยคุณค่าที่ลึกซึ้งของมนุษย์ บนพื้นฐานความเป็นมนุษย์นี้เองที่ทำให้การเริ่มเข้าสู่ชีวิตคริสตชนอันประกอบด้วยเรื่องต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นคือ...
DC226 อนาคตของบุคคลของชุมชนมนุษย์ และของชุมชนพระศาสนจักรขึ้นอยู่กับครอบครัวซึ่งเป็นเซลล์พื้นฐานของสังคมเป็นส่วนใหญ่
ครอบครัวเป็นชุมชนแห่งความรักและชีวิตซึ่งประกอบด้วย “ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ซับซ้อน... ชีวิตแต่งงาน ความเป็นพ่อและแม่ ความเป็นบุตรและความเป็นพี่น้องกันที่มนุษย์แต่ละคนได้รับการนำให้เข้าสู่...

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

เนื้อหาและบทเรียน

คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก(CCC)

สารคำสอน 182 (ปีการศึกษา2023)

สารคำสอน 182 (ปีการศึกษา2023)

เรียนคำสอนกับพ่อวัชศิลป์

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์

สถิติการเยี่ยมชม

0.png6.png9.png0.png0.png5.png1.png
วันนี้1598
เมื่อวานนี้2200
สัปดาห์นี้12070
เดือนนี้30910
ทั้งหมด690051

ขณะนี้มีผู้เยี่ยมชม

10
Online

วันศุกร์, 11 กรกฎาคม 2568 17:17