bbcate08.jpg7.ข้อแนะนำในการใช้พระคัมภีร์กับเด็ก ๆ
1. เด็กๆอยากเห็นแบบอย่างการให้ความเคารพต่อพระคัมภีร์ เด็กๆเรียนรู้ด้วยการมองดูและการสังเกตทุกๆอย่างรอบๆตัวของพวกเขา เราไม่ควรที่จะปฏิบัติต่อพระคัมภีร์เหมือนกับเป็นหนังสือเก่าๆธรรมดาเล่มหนึ่ง แต่เป็นหนังสือพิเศษที่บันทึกเรื่องราวที่วิเศษที่ยังคงเป็นเรื่องราวที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องราวที่เป็นมรดกแห่งความเชื่อความศรัทธาที่ย้อนหลังเรื่องของพระเยซูไปสู่ต้นกำเนิดแห่งความเชื่อของเราในลัทธิยูดา การที่เด็กๆได้เห็นพระคัมภีร์ตั้งอยู่ในที่ๆเป็นเกียรติ การหยิบการใช้พระคัมภีร์ด้วยความเคารพ ย่อมก่อให้เกิดความประทับใจความเคารพและความกระหายใคร่รู้สิ่งที่พระคัมภีร์เผยแสดงอีกด้วย

2. แสดงความสัมพันธ์กันของพระคัมภีร์ให้เด็กเห็น การใช้พระคัมภีร์กับเด็กไม่ใช่การให้ข้อมูลต่างๆจนเกินความจำเป็นและความต้องการของพวกเขา เราอยากให้พวกเขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอะไร ใครมาจากไหน เขาทำอะไรและทำอย่างไร ความรู้หรือข้อเท็จจริงต่างๆเป็นสิ่งที่จำเป็นแต่ไม่จำเป็นที่จะต้องนำเสนอทุกสิ่งนั้น จุดประสงค์ของการใช้พระคัมภีร์ของเรากับเด็กไม่ใช่เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์แต่เป็นการช่วยให้พวกเขาได้นำข่าวดีแห่งพระคัมภีร์มาสัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของพวกเขา

3.เราควรปล่อยให้พระคัมภีร์พูดกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวโดยที่เราไม่จำเป็นต้องพูดแทน  สิ่งที่เรามักจะทำกันเสมอๆก็คือการตีความหรือการแปลความหมายให้กับเด็กๆเสียเองแทนที่จะให้พระวาจาได้พูดกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว หรือปล่อยให้เด็กๆได้ค้นพบความหมายด้วยตัวของเขาเอง

4. เราต้องรักษาสมดุลยระหว่างการใช้พระคัมภีร์ที่มากเกินไปกับการที่ไม่ใช้พระคัมภีร์เลย การใช้ที่มากเกินไปหมายความว่าการบังคับอะไรก็อ้างพระคัมภีร์จนกลายเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมชาติ ส่วนที่ว่าน้อยเกินไปก็คือใช้ข้อความที่มีน้ำหนักน้อยเกินไปหรือไม่อ้างอิงหรือไม่เห็นความสำคัญของพระคัมภีร์เลย

5. เราต้องเลือกเรื่องที่ใช้ให้เหมาะสม โดยการพิจารณาถึงวัยและพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กที่สามารถรับรู้หรือเข้าใจได้ การใช้เรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือยากเกิดไปย่อมก่อให้เกิดปัญหามากกว่าคุณประโยชน์ ตัวอย่างการใช้นิทานเปรียบเทียบ จุดประสงค์ของนิทานฯเพื่อกระตุ้นความคิดของผู้ฟัง หากเกิดมีการตีความผิดๆหรือไม่รอบคอบเด็กอาจจะยึดเอาการตีความที่เข้ากับตัวเองมาเป็นแนวทางความประพฤติสำหรับตนเองก็ได้

6. ภาวนาด้วยพระคัมภีร์ เด็กจะเกิดความรู้สึกว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่มีชีวิตไม่ใช้หนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของบุคคลต่างๆในอดีต แต่การภาวนาด้วยพระคัมภีร์นี้จะต้องทำด้วยความรอบคอบเตรียมตัวให้ดีให้เป็นธรรมชาติอย่าทำแบบเป็นการฝืนใจหรือบังคับให้ทำ