คำสอนเรื่องภาพศักดิ์สิทธิ์ศิลปะกับพระคัมภีร์
คำสอนเรื่องภาพศักดิ์สิทธิ์
ถาม : ทำไมคาทอลิกจึงมีรูปปั้นรูปภาพมากมาย ผิดหรือถูกอย่างไร
ตอบ : ตามประมวลคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก(CCC)ข้อที่ 476-477 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
          1. เมื่อพระเจ้าทรงรับธรรมชาติมาบังเกิดมารับธรรมชาติเป็นมนุษย์ โดยทรงยอมรับสภาวะมนุษย์อย่างแท้จริง พระกายของพระคริสตเจ้าจึงอยู่ในภาวะมีเขตจำกัด(เทียบ DS 504) เพราะเหตุนี้ พระพักตร์ในสภาวะมนุษย์ของพระเยซูจึงอาจจะวาดให้เห็นได้
          2. สภาสังคายนาสากลครั้งที่ 7(นิเช II ปี 787) พระศาสนจักรได้ยอมรับว่าเป็นเรื่องชอบธรรมที่จะมีภาพพระเยซูอยู่ในประมวลภาพศักดิ์สิทธิ์(เทียบ กท 3:1 DS 600-603)

          3. ในทางปฏิบัติ พระศาสนจักรยอมรับเสมอมา(เป็นประเพณี)ว่าพระบุตรของพระเจ้าได้ทรงรับเอาลักษณะในพระกายมนุษย์ เราจึงสามารถวาดภาพศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และแสดงความเคารพต่อรูปศักดิ์สิทธิ์ได้ เนื่องจากผู้มีความเชื่อซึ่งแสดงความเคารพนำเกรงต่อภาพของพระองค์นั้น แท้จริงแล้วก็เป็นการ “เคารพตัวบุคคลที่วาดอยู่ในภาพนั้นเอง”(DS 601)

เพิ่มเติมจากพิธีกรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของคาทอลิก

          4. ในพิธีเสกหรืออวยพรรูปพระประธานจะภาวนาดังนี้ “ข้าแต่พระเป็นเจ้าทรงสรรพานุภาพนิรันดร พระองค์ไม่ทรงรังเกียจแต่ทรงรับรองรูปภาพ รูปปั้น และรูปแกะสลักของบรรดานักบุญ ทุกครั้งที่ตาเห็นรูปเหล่านี้ ใจจะระลึกถึงกิจการดีงาม ความศักดิ์สิทธิ์ และเจริญรอยตามแบบอย่างของท่านนักบุญเหล่านี้ โปรดอวยพร + และ + รูปของ(พระเยซู – พระนางพรหมจารีมารีย์ – นักบุญ...)ให้ศักดิ์สิทธิ์ + เพื่อผู้ที่แสดงคารวะต่อ(พระเยซู – พระนางพรหมจารีมารีย์ – นักบุญ...) โดยมีรูปนี้เป็นเครื่องหมายจะได้รับความช่วยเหลือในโลกปัจจุบัน และความรุ่งโรจน์นิรันดรในโลกหน้า ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย อาแมน

          5. ในพิธีฉลอง ประธานในพิธีจะมีการถวายกำยานแด่รูปศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ นอกจากนั้นยังมีธรรมเนียมปฏิบัติถวายช่อดอกไม้เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าและนักบุญ

          6. ตามบ้าน สถาบัน ที่สาธารณะมักจะธรรมเนียมการตั้งแท่นรูปพระในลักษณะต่างๆ โดยให้ความเคารพต่อรูปเหล่านั้น ตั้งไว้ในที่สูงและประดับประดาให้สวยงามสมพระเกียรติ และส่วนตัวแต่ละคนมักจะห้อยรูปพระไว้กับตัวตลอดเวลา

           7. ข้อระมัดระวังก็คือ การหลงนับถือในรูปนั้นๆหรือติดอยู่กับรูปนั้นโดยจิตใจไปไม่ถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง