บทที่ 13
มนุษย์ทำผิดต่อพระเป็นเจ้า

จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนได้เห็นความเลวร้ายของบาป ตลอดจนผลที่เกิดตามมา
และพยายามหลีกเลี่ยงเต็มความสามารถ

 

ขั้นที่ 1 กิจกรรม
- แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มละประมาณ 5-6 คน แจกหนังสือพิมพ์ให้กลุ่มละ 1 ฉบับ
- ให้นักเรียนแต่ละกุล่มช่วยกันหาข่าวร้าย ๆ เช่น ปล้น ฆ่า ยาเสพติด โรคเอดส์ ไฟไหม้ น้ำท่อม อุบัติเหตุรถชน ฯลฯ มากลุ่มละ 5 ข่าว
- ให้ตัวแทนกลุ่มออกมาเสนอข่าวนั้นหน้าชั้นทีละกลุ่ม

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

ครูถามนักเรียน
 - ทำไมจึงเรียกข่าวประเภทนี้ว่าข่าวร้าย?
 - ทำไมจึงเกิดข่าวร้ายเช่นนี้ขึ้น?
 - ข่าวร้ายส่งผลกระทบอะไรต่อสังคม?
สรุป สาเหตุของข่าวร้าย หรือสิ่งร้าย ที่เกิดขึ้นนี้เกิดมาจากมนุษย์ทั้งสิ้น เพราะมนุษย์เห็นแก่ตัว ไมเคารพกฎหมาย

ขั้นที่ 3 คำสอน

 1. มนุษย์คู่แรกมีจิตใจเหมือนเด็ก ๆ ไม่มีอิจฉา โกรธ โลภ หลง ที่ชักจูงจิตใจให้ลำเอียงไปทางไม่ดี  หรือทางที่ผิด พระคัมภีร์บอกว่ามนุษย์คู่แรกเป็นคนดี นอบน้อมเชื่อฟังพระเป็นเจ้า พระองค์จึงตั้งให้เป็นหัวหน้าดูแลทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา และทุกสิ่งก็อยู่ใต้บังคับของมนุษย์คู่แรกด้วยดี จึงเกิดมีสันติสุขในสวนอุทยานนั้นจนได้ชื่อว่า เป็นสวรรค์บนแผ่นดิน และถ้ามนุษย์เป็นคนดีเช่นนี้ต่อ ๆ ไป พระเป็นเจ้าก็จะประทานชีวิตนิรันดร คือสวรรค์จริง ๆ ให้อีกด้วย

 2. แต่น่าเสียดาย มนุษย์คู่แรกนั้นได้ทำผิด คือ ฝ่าฝืนคำสั่งของพระเป็นเจ้า เมื่อทำผิดมนุษย์ก็สูญเสียพระหรรษทานที่ได้รับเป็นของขวัญจากพระเป็นเจ้า สูญเสียความสุข มีความทุกข์เข้ามาแทนที่ การทำงานซึ่งเดิมเป็นสิ่งที่เพลินเพลิน บันนี้ก็กลายเป็นความยากลำบาก สิ่งสร้างทั้งหลายซึ่งเดิมอยู่ใต้บังคับโดยดี บัดนี้ก็แข็งข้อ กลายเป็นศัตรู “แผ่นดินจะเกิดหนาม.....เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า และสุดท้าย เจ้ามาจากดิน ก็จะกลับเป็นดินดังเดิม” (ปฐก.3,18-19) นั้นก็คือผลร้ายสุดท้าย คือความตาย

 3. มนุษย์คู่แรกคือบิดามารดาของมุนษย์ชาติ เมื่อบิตามารดาทำผิด และต้องรับผลของความผิดนั้น ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ ต่อมาก็พลอยได้รับผลนั้นด้วย เราเรียกผลนี้ว่า “บาปกำเนิด” ลูกหลานทุกคนที่เกิดมาภายหลังก็มีบาปกำเนิดนี้ติดตัว คือ ต้องตกอยู่ในความยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ ต้องทำงานอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ สติปัญญามืดมัวไม่แจ่มใส จิตใจก็อ่อนแอและลำเอียงไปทางบาป ต้องสูญเสียอนาคตอันสูงส่ง คือชีวิตนิรันดร และที่สุดต้องตายกลายเป็นดิน

 4. แต่พระเป็นเจ้าก็ยังทรงสงสารมนุษย์ชาติที่พระองค์ทรงสร้างมาให้ละม้ายคล้ายพระองค์ พระองค์สัญญาว่าจะส่งพระผู้ไถ่มาช่วยมนุษย์ให้พ้นบาป

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
1. บาปคืออะไร?
 ตอบ  บาปคือการทำผิดต่อพระเป็นเจ้าโดยรู้ตัวและเต็มใจ

2. มนุษย์ทำผิดต่อพระเป็นเจ้าอย่างไร?
 ตอบ  มนุษย์ทำผิดต่อพระเป็นเจ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ซึ่งเรียกว่า พระบัญญัติ

3. ผลร้ายของบาปมีอะไรบ้าง?
 ตอบ  ผลร้ายของบาป คือ ต้องทำงานด้วยความยากลำบาก สติปัญญามืดมัวไป ใจลำเอียงไปทางบาปสูญเสียชีวิตนิรันดร และสุดท้ายต้องตาย

4. หลังจากมนุษย์ลำบาป พระเป็นเจ้าทรงทอดทิ้งมนุษย์หรือไม่?
 ตอบ  หลังจากมนุษย์ทำบาป พระเป็นเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ แต่ได้ทรงสัญญาว่าจะส่งพระผู้ไถ่มาไถ่บาปมนุษย์

ข. กิจกรรม
- สวดขอสมาโทษบาปต่อพระเป็นเจ้าพร้อม ๆกัน
- ครูเอ่ยความผิดที่นักเรียนมักจะทำ เช่น
    ข้าพเจ้าได้ดื้อต่อพ่อแม่
    ข้าพเจ้าได้ทะเลาะกับเพื่อน ฯลฯ

    นักเรียนรับโดยขับร้องบทสร้อย
 พระองค์ทรงเมตตาเทอญ โปรดทรงพระเมตตาเทอญ
หรือ พระเป็นเจ้าทรงเปี่ยมด้วยความอ่อนหวานและเมตตาสงสาร
- ปิดท้ายด้วยการสวด “บทแสดงความทุกข์”

ร้องเพลง “กลิ้งออกไป”
 กลิ้งออกไป กลิ้งออกไป กลิ้งออกไป
 บรรดาภาระหนักในใจ กลิ้งออกไป กลิ้งออกไป
 บนกางเขน บุตรพระเจ้า ต้องเลือดไหล เพื่อไถ่เรา อัลเลลูยา
 กลิ้งออกไป กลิ้งออกไป กลิ้งออกไป
 บรรดาภาระหนักในใจ กลิ้งออกไป

หรือ เพลง “ไม่มีรักใดเท่า” (ปรารถนา หน้า 130 บี)

ไม่มีรักใดเท่า

  ไม่มีรักใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับการ
  ที่พระคริสต์ประทานพระชนม์ชีพเพื่อชาวเรา
  พระองค์เป็นพระบุตรบริสุทธิ์จำสวรรค์
  ยอมพลีแม้ชีวันใช้โทษทัณฑ์แทนชาวเรา
 โอ้องค์พระคริสต์ (โอ้องค์พระคริสต์)
 องค์พระชุมพา (องค์พระชุมพา)
 ผู้ทรงเมตตา กรุณาเราเทอญ
   โอ้องค์พระคริสต์ (โอ้องค์พระคริสต์)
   องค์พระชุมพา (องค์พระชุมพา)
   ผู้ทรงเมตตา ประทานสันติเทอญ