ทำไมจึงต้องเร่งด่วนการสอนคำสอนเยาวชน
ทำไมจึงต้องเร่งด่วนการสอนคำสอนเยาวชน

            จากการรายงานผลการวิจัยเรื่อง “ทำไมเยาวชนจึงละทิ้งพระศาสนจักร” ของสำนักข่าว CNA (เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2018) โดยอ้างอิงถึงงานวิจัยของ St. Mary’s Press and the Center for Applied Research in the Apostolate at Georgetown University (CARA) มีประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่แค่พระศาสนจักรของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่น่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้รับผิดชอบเยาวชนคาทอลิกทั่วโลกควรให้ความสนใจด้วย

          งานวิจัยนี้ใช้เวลาดำเนินงานสองปีโดยการสัมภาษณ์ผู้ที่เคยเป็นคาทอลิกอายุระหว่าง 15-25 ปี จำนวน 214 คน โดยให้พวกเขาได้เล่าเรื่องของตนเองว่าทำไมจึงละทิ้งพระศาสนจักรด้วยคำพูดของตนเอง ไม่มีการควบคุมและการกลั่นกรองอะไรทั้งสิ้น

ผลการวิจัยที่น่าสนใจบางประการ เช่น
           พบว่าเยาวชนร้อยละ 74 ละทิ้งพระศาสนจักรในช่วงอายุ 10 ถึง 20 ปี โดยเริ่มมีปัญหาและคำถามเกี่ยวกับความเชื่อตั้งแต่เรียนอยู่ในเกรดห้า (ประถมศึกษาปีที่ห้า) ซึ่งผู้วิจัยให้รายละเอียดเพิ่มว่า “พวกเขาสารภาพว่าพวกเขาไม่เคยพูดคุยถึงความสงสัยและคำถามเรื่องความเชื่อกับพ่อแม่หรือผู้นำพระศาสนจักรเลย” และเยาวชนร้อยละ 21 ที่ทิ้งพระศาสนจักรไปตอบว่าพวกเขาได้หันไปเข้าสังกัดในคริสต์ศาสนานิกายใหม่

            มีข้อน่าสังเกตว่าเยาวชนจำนวนมากที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับคาทอลิกแต่ยังคงมีความเชื่อในพระเจ้าและส่วนใหญ่ยังคงต้องการเข้าร่วมกลุ่มทางศาสนาในรูปแบบอื่น

เหตุผลที่ละทิ้งพระศาสนจักร
           ผู้วิจัยได้แบ่งสาเหตุการละทิ้งพระศาสนจักรออกเป็นสามประเภท ได้แก่ Injured, Drifter และ Dissenter

“Injured” เป็นเยาวชนที่มีประสบการณ์ที่เจ็บปวดหรือโศกนาฏกรรมในชีวิตที่ทำให้รู้สึกว่าพระเจ้าไม่ได้ฟังคำภาวนาของเขาเลย พระเจ้าอยู่ที่ไหน เช่น พ่อแม่ของเขาหย่าร้างหรือสมาชิกในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย หรือต้องตายเป็นต้น เยาวชนคนหนึ่งได้เล่าให้ผู้วิจัยฟังว่า เขาจำได้ว่า “พวกเราภาวนาให้คุณปู่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง พวกเรามากกว่า 150 คนร่วมใจกันภาวนา แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมจึงเริ่มมีความสงสัย”

“Drifter” เป็นกลุ่มบุคคลที่หันเหออกไปเพราะมีปัญหาขัดข้องใจระหว่างการเป็นคาทอลิกกับประสบการณ์จริงในการดำเนินชีวิตประจำวันท่ามกลางกระแสโลก เขาตอบตนเองไม่ได้ว่าทำไมต้องเป็นคาทอลิก หรือมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิตในฐานะคริสตชน จึงทิ้งพระศาสนจักรไป ผู้วิจัยให้ข้อสังเกตว่าอิทธิพลของพ่อแม่มีผลกระทบอย่างมากสำหรับพวกที่ละทิ้งพระศาสนจักร เป็นต้นสมาชิกในครอบครัวที่หันหลังให้พระศาสนจักร เมื่อพ่อแม่ไม่สามารถอธิบายให้กับลูกๆได้

“Dissenter” สำหรับบางคนที่ละทิ้งพระศาสนจักรไปเพราะไม่เห็นด้วยกับคำสอนของพระศาสนจักร เช่น การคุมกำเนิด การแต่งงานกับคนเพศเดียวกัน ฯลฯ


             ผู้วิจัยได้ข้อสังเกตว่าในระหว่างบรรดาผู้ที่ละทิ้งจากพระศาสนจักรทั้งสามประเภทนี้พบว่า “เยาวชนเองเมื่อเริ่มแรกมีประสบการณ์ที่ถดถอยหรือคับข้องใจจนรู้สึกเจ็บปวดหรือแตกหักไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใด ความเจ็บปวดนั้นทำให้เยาวชนเกิดคำถามและความสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อ และถ้าไม่ได้รับการแก้ไขพวกเขาก็จะละทิ้งพระศาสนจักรไป”

             เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ก่อนที่จะละทิ้งพระศาสนจักร เยาวชนร้อยละ 28 บอกว่าพวกเขาเข้าร่วมพิธีมิสซาน้อยมากหรือแทบจะไม่ได้เข้าร่วมพิธีมิสซาเลยในขณะที่เป็นคาทอลิก เยาวชนร้อยละ 17 บอกว่าพวกเขาเข้าร่วมพิธีมิสซาประจำอาทิตย์ และเยาวชนร้อยละ 34 ไม่เคยเข้าร่วมพิธีมิสซาในขณะที่เรียนในโรงเรียนคาทอลิกเลย

           สำหรับการป้องกันเยาวชนไม่ให้ปฏิเสธความเชื่อนั้น หัวหน้าผู้วิจัยให้คำแนะนำว่า “เราจะต้องสร้างสถานที่ที่เยาวชนสามารถต่อสู้กับคำถาม รวมถึงข้อสงสัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขาอย่างอิสระ...เราพบว่าเยาวชนต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความเชื่อแต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะถูกตัดสินอย่างไร”