รายการพระเจ้าสถิตกับเราแสวงหาความจริงในช่วงยามไทม์                  
         และในที่สุดก็เป็นดังคาด แม้ว่าไม่ได้คิด รายการทีวีคาทอลิกของเราก็เป็นอันจะต้องเลื่อนเวลาลงไปอีกครึ่งชั่วโมง
        สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย มีรายการทีวีอยู่ 2 รายการ รายการแรกคือ รายการ “แสงธรรม” อยู่ที่สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9) ออกอากาศเวลา 04.30-05.00 น. ปีนี้เป็นปีที่ 14 แล้ว จัดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ สลับกับของทางคริสเตียน 14 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปพอสมควร แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก็คือเรื่องเวลา

 

                เวลาจากครั้งแรกเมื่อออกอากาศคือ 05.30 – 06.00 น. และถอยร่นมาเป็น 05.00 – 05.30 น. และในที่สุด 04.30 – 05.00 น.

                รายการที่สองคือ รายการ “พระเจ้าสถิตกับเรา” อยู่ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11) ออกอากาศเวลา 04.00 – 05.00 น. จัดทุกอาทิตย์ หนึ่งชั่วโมงเต็ม ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว ปัจจุบันสื่อมวลชนคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นผู้ผลิตรายการหลัก ในนามสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย ปัจจุบันเวลาออกอากาศปรับเป็น 03.30 – 04.20 น. พูดกันเล่นๆ ว่า มาเร็วสักหน่อยคงดี ถ้ามาช้ากว่านี้เดี๋ยวรอกันไม่ไหว

                ผมคิดเล่นๆ (อีกแล้ว) ว่า ถ้าวันอาทิตย์ไหนมีบางคนตื่นมาในตอนเช้าเพื่อดูรายการพระเจ้าสถิตกับเรา ตอนตี 03.30 น. ดูไปจนถึง ตี 04.20 น. ที่ช่อง 11 เปิดย้อนกลับไปช่อง 9 ตี 04.30 น. ด้วยรายการแสงธรรม พอถึงตี 05.00 น. ปิดทีวี เปิดวิทยุฟังรายการ “คุยกันเจ็ดวันหน” ที่คลื่น เอฟเอ็ม 97 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนถึง 07.00 น. 2 ชั่วโมงพอดิบพอดี ลากยาวตั้งแต่ตี 03.30 น. หลังจากนั้นอาบน้ำอาบท่าไปเข้าวัดรอบ 07.30 น. มิสซาจบ 08.30 น. ถ้าเป็นอะไรไปมีสิทธิ์ขึ้นสวรรค์ ชั้นสาธุ (ประดิษฐ์) กันแน่นอน (ฮา) ก็รับสื่อศาสนาเข้าไปเต็มๆ ขนาดนี้

 รายการพระเจ้าสถิตกับเรา ภาษาโทรทัศน์เขามักเรียกช่วงที่คนดูเยอะๆ ว่า “ไพร์มไทม์” เช่นช่วงหลังข่าว ช่วงนี้จะเห็นว่ามีแต่ละคร (บางคนชอบบอกว่าน้ำเน่า) ผมว่าถ้ารู้สึกว่าเน่านักก็ไม่ต้องดู ไม่เห็นต้องไปบ่นเพื่ออะไร เพราะผมเองก็เลือกที่จะไม่ดู แต่คนส่วนหนึ่งเขามีความสุขกับเรื่องราวแบบนี้ เราจะเอาคุณค่าที่เราตีตรามาบอกว่าอันนี้ดีอันนั้นถูกเสมอไปทั้งหมดคงไม่ใช่ แต่เวลาที่สื่อมวลชนจัดนี่ ถ้าว่ากันไปแล้วต้องเรียก “ยามไทม์” ครับ แบบว่าจัดให้ยามดู

                ความจริงผมคิดว่าถ้าจะพูดเรื่องสื่อกันเรื่องจังหวะเวลาก็สำคัญ แต่คงไม่ทั้งหมด เรื่องบางเรื่องเมื่อมีสนามงานเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับองค์กรหน่วยงานใช่จะใช้เวลาเพียงแค่ครั้งแล้วสำเร็จเลย การมีประสบการณ์ในการจัดรายการ การนำเสนอข้อมูลที่นำกลับมาใช้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสาระประโยชน์ในรูปของดีวีดี แหล่งข้อมูลอ้างอิง ปรับเปลี่ยนแปลงตัวงานให้ลงไปแผ่กระจายในเว็บไซต์ ในสถานีวิทยุ ในข้อความที่ส่งผ่านมือถือ ฯลฯ ทุกงานที่ทำจึงมีคุณค่าพอๆ กัน จังหวะเวลาเป็นโอกาสที่ดีแต่ไม่ใช่จะบอกว่าตัวชิ้นงานได้ผลแค่ไหน

                สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ได้ยืนยันในสมณสาส์นโอกาสวันสื่อมวลชนสากล ครั้งที่ 42 นี้ว่า “ให้สื่อมวลชนแสวงหาความจริง เพื่อจะได้แบ่งปันให้กับผู้อื่น”

                สงครามสื่อ สาดโคลน ปล่อยข่าว สร้างกระแส ทำให้ความจริงถูกบิดเบือนไป จรรยาบรรณของสื่อแลกมากับเม็ดเงินที่จ่ายมาให้ ในสงครามยุคใหม่ที่ไม่ได้รบกันแค่เพียงอาวุธเท่านั้น แต่การสื่อสารกลับเป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างให้เกิดพลังมวลชนเพื่อรัก ศรัทธา หรือจงเกลียดจงชัง อาฆาตมาดร้ายและมุ่งทำลายกัน

                ผมดีใจที่สื่อมวลชนคาทอลิกฯ ไม่มีผลประโยชน์เพื่อให้ใครมาเสพย์เอาไป และไม่มีการสร้างสี ปล่อยข่าว ให้ใครดูดี รวมทั้งไม่เคยคิดที่จะชวนเชื่อให้ใครหลงเคลิ้มตาม เราพูดเรื่องของความจริง ความถูกต้อง เรื่องคำสอนของพระเยซูตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

                เมื่อความจริงคือความจริงอยู่วันยันค่ำ จะเปิดดู (รายการทีวีคาทอลิก) เปิดอ่าน (สิ่งพิมพ์คาทอลิก) หรือเปิดฟัง (รายการวิทยุคาทอลิก) เวลาไหนก็ยังได้รับความจริงอยู่ดี แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เราได้แบ่งปันความจริงนั้นแก่ผู้อื่นหรือยัง เพราะ

เมื่อเราแบ่งปันต่อไป การสื่อสารก็เป็นช่องทาง เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องใช้ไม้สอยที่มีอิทธิพลมากไปกว่าตู้สี่เหลี่ยม หรือจอภาพที่แพงซะเปล่าแต่ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าถึงความจริง (ของชีวิต)  แม้แต่ครั้งเดียวเลย

                ขอพลังแห่งการสื่อสารมวลชน สร้างมวลมิตรประชาโลกให้อยู่ร่วมกันด้วยรัก สันติ และการแบ่งปันซึ่งกันและกัน

                                                                บรรณาธิการบริหาร

 (หนังสือพิมพ์ข่าวสารคาทอลิกรายสัปดาห์  อุดมสาร ปีที่ 32 ฉบับที่ 31 ประจำวันที่ 27 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม2008)