ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011
(บสร. 15:15-20; 1คร.2:6-10; มธ.5:17-37)
"เจ็บแล้วต้องจำ"

1. ในวัยเด็ก เราเรียนรู้จากการล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูก อะไรที่ทำแล้วเจ็บก็เรียนรู้ได้ว่าสิ่งนี้หรือสิ่งนั้นไม่ควรทำ เช่น เอามือไปจับไฟ ฯลฯ ส่วนอะไรที่ทำแล้วทำให้พ่อแม่หรือคนใกล้ชิดมีความสุขความยินดี ได้รับคำชมเชยก็จะทำสิ่งนั้นซ้ำๆ การพัฒนาของเด็กๆก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งพวกเขาสามารถช่วยตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ใหญ่
2.  แล้วเราที่เป็นผู้ใหญ่ล่ะ เรามีอะไรต้องเรียนรู้อีกหรือไม่ หรือคิดว่า ฉันโตแล้ว ฉันดีแล้ว ฉันไม่มีอะไรต้องพัฒนาตนเองอีกแล้ว

3. พระวาจาของพระเจ้าในวันอาทิตย์นี้ จะช่วยเตือนสติของเราว่า เรายังมีอะไรมากมายที่ต้องปรับปรุงตนเอง เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ใหญ่ฝ่ายจิตใจ” ตามคำสอนของพระเจ้า

4. การเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตใจตามคำสอนของศาสนา ไม่ได้หมายความถึงการเจริญเติบโตตามขั้นตอนตามจิตวิทยาพัฒนาการ คือ ตั้งแต่เด็กเรื่อยมา เข้าเรียน มีงานทำ สุดท้ายมีครอบครัวของตนเอง นี้เป็นความเจริญเติบโตภายนอก บทอ่านในวันนี้พูดถึงการเติบโตเป็น “ผู้ใหญ่ฝ่ายจิตใจ” ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เราได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้าจากศีลล้างบาป และเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตฝ่ายจิตนี้จะต้องได้รับการหล่อเลี้ยงให้เติบโต เพื่อให้เราแต่ละคนได้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับองค์พระเยซูเจ้า ที่เสด็จมาเป็นรูปแบบในการดำเนินชีวิตของเรา

5. บทอ่านที่ 1 ในวันนี้ท้าทายเราว่า พระเจ้าทรงจัดวาง “น้ำ” และ “ไฟ” ไว้ต่อหน้าเรา และบอกว่าท่านต้องการสิ่งใดก็ให้ยื่นมือหยิบด้วยตนเอง ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้ามนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น

6. หันมาเรื่องการเรียนรู้ของเด็ก เด็กเรียนรู้จากผลของการเลือกของเขา เขายื่นมือไปจับต้องหรือสัมผัสอะไร ผลที่เกิดขึ้นทำให้เขาพัฒนา อะไรที่เจ็บปวดหรือนำความเสียหายมาสู่ตัวเขา เขาก็จะไม่กระทำสิ่งนั้นอีก เรียกได้ว่า “เจ็บแล้วจำ”

7. ตัวอย่างของช้างที่สามารถเล่นกายกรรมได้ ใครๆก็ชื่นชอบและให้สตางค์แก่เจ้าของ เมื่อมีคนถามว่าฝึกช้างอย่างไรจึงทำได้สารพัด เจ้าของบอกว่า ถ้ามันดื้อก็จะใช้ไม้ตีที่ตรงโหนกหัวของมัน เมื่อมัน “เจ็บก็จะจำ” แต่ถ้าทำถูกเราก็จะให้อาหารกิน

8. เรามาพิจารณาดูเหตุการณ์สำคัญในศาสนาของเรา เหตุการณ์แรกคือการสร้างของพระเจ้า ในปฐมกาล 1:26 พูดถึงการสร้างของพระเจ้าว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา” คำว่า ฉายาตามอย่างของเรา คือ ตามคุณลักษณะของพระองค์เอง พระเจ้าทรงปรารถนาหรือเจตนาให้เราเหมือนกับพระองค์ คือให้มีคุณลักษณะขององค์พระผู้เป็นเจ้าในตัวของเราแต่ละคน

9. อาดัมและเอวา ทั้งสองมีความสุขอยู่ในสวดเอเดนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งหนึ่งที่เข้าทั้งสองขาดไป คือ “การเป็นเหมือนพระเจ้า”

10. ถ้ามีใครที่นี้รู้จักอาดัมหรือเอวาก่อนที่จะตกในบาปกำเนิดนั้น เขาจะมีประสบการณ์ อาย เมตตา ลำบาก เศร้า หรือคุณลักษณะซึ่งเราทุกวันนี้ต้องประสบหรือไม่ ถ้าไม่ทำบาปกำเนิดพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร ชีวิตจะเป็นอย่างไร ประสบการณ์ของทั้งสองนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดของมนุษยชาติ แต่มนุษย์เรา “เจ็บแล้วจำหรือไม่”

11. ความจริงทางศาสนาสอนเราว่า พระเจ้าไม่ได้ทรงปรารถนาให้ให้บาปเข้ามาในโลกนี้ พระองค์อนุญาตให้บาปเกิดขึ้นเพื่อเป็นเสมือนการตีสอนพวกเรา ศาสนาสอนเราว่าพระเจ้าทรงสามารถกระทำได้ทุกอย่าง ทรงสามารถ “ดึงเอาความดีออกมาจากความชั่วร้ายได้” ในขณะที่เราคิดว่าเราตกระกำลำบาก พระเจ้ายังทรงอวยพรเราโดยให้เราได้เรียนรู้และเติบโตฝ่ายจิตซึ่งเราได้รับโดยผ่านทางความทุกข์ยากนั้น เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด

12. ประสบการณ์ของเด็กๆเมื่อเอามือไปถูกเปลวไฟในครั้งแรกทำให้เขาฉลาดขึ้น เขาจะไม่เข้าใกล้ไฟนั้นอีกเพราะเปลวไฟทำให้เขาเจ็บ นี้เป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้โดยให้เด็กได้เรียนรู้ว่าไฟคืออะไร ก่อนที่อาดัมและเอวาทำผิด คือ ไม่เชื่อฟังพระเจ้า เอาตัวเองเป็นใหญ่ ตัดขาดจากพระเจ้า เขาทั้งสองไม่รู้ถึงผลร้ายของการกระทำเช่นนั้น ไม่รู้หรอกว่าผลของบาปที่ทั้งสองกระทำกลับกลายเป็นบาปกำเนิดที่มีผลต่อชีวิตของเราในปัจจุบัน

13. ความเข้าใจเรื่องของชีวิตจิตจากบทอ่านทั้งสองแรกนั้นนำไปสู่บทอ่านที่สาม พระเยซูเจ้าตรัสกับเราว่า “ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” ทั้งธรรมาจารย์และฟาริสีต่างดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด แต่พวกเขาไม่ได้เข้าใจถึงจุดประสงค์หรือเจตนารมณ์ของบัญญัติอย่างแท้จริง หัวใจของเขาเย็นชาและมืดมน

14. พระเยซูเจ้าทรงนำสารแห่งความรักมามอบให้แก่โลกของเรา พระองค์ทรงสอนเราว่าความรักชนะทุกสิ่ง พระเยซูเจ้าทรงชนะโลกแล้ว(ยน 16:32) พระองค์ทรงเอาชนะความชั่วด้วยความชั่ว แต่ทรงเอาชนะด้วยความดี(รม.12:21) คนที่เอาชนะโลกได้จะต้องมาจากพระเจ้า(1ยน.4:4) คือ เป็นบุตรของพระเจ้านั้นเอง

15. พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เราถึงผลดีที่เราจะได้รับถ้าเราทำตามคำสอนของพระองค์ และชี้ถึงผลเสีย ถ้าเราทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำสอนของพระองค์ การที่เราสามารถปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ได้นั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเป็น “ผู้ใหญ่ฝ่ายจิตใจ”

16. องค์พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของเรามีความห่วงใยต่อเรื่องความรอดพ้นจากบาปของเรามนุษย์ทุกคน ซึ่งเราจะได้รับก็ต่อเมื่อเราได้มีความเจริญเติบโตฝ่ายจิต ด้วยการดำเนินชีวิตที่ชิดสนิทกับพระเยซูคริสตเจ้า และโดยอาศัยพระหรรษทานหรือความช่วยเหลือฝ่ายจิตของพระองค์ จะทำให้เราบริสุทธิ์ ด้วยการชำระด้วยไฟรักขององค์พระจิตเจ้า และด้วยเหตุนี้เราทุกคนจะได้กลับกลายเป็นบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

17. การที่จะเป็นบุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้านั้น เราจะต้องคืนดีกับพี่น้องชายหญิงของเรา เหนือสิ่งอื่นใด จิตวิญญาณของเราจะต้องเติบโตเป็น “ผู้ใหญ่ฝ่ายจิต” สิ่งสำคัญของการยกโทษให้กันนั้นไม่ใช่ทำเพราะให้คนอื่นได้เห็นความดีของเราที่สามารถยกโทษให้กับบุคคลที่ทำร้ายเรา แต่เพราะเราได้ปฏิบัติตามคำสอนเรื่องความรักและการให้อภัยที่พระเยซูเจ้าทรงสอนและกระทำเป็นแบบอย่างให้แก่เรา

18. บทพระวรสารในวันนี้สอนเราถึงเรื่องการดำเนินชีวิต ทั้งในการทำงาน ในชีวิตครอบครัว และชีวิตทางสังคม เราจะต้องพัฒนาจิตวิญญาณของเราให้เป็นผู้ใหญ่ทางความเชื่อ เราต้องเปิดจิตใจของเราต้อนรับพระจิตเจ้า เพื่อให้พระองค์ทรงส่องสว่างสติปัญญาของเราทำให้เราเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระองค์ว่า พระองค์ทรงประสงค์จะให้เราปฏิบัติตนอย่างไร ท่ามกลางกระแสสังคมในปัจจุบัน
19. เราจะต้องไม่มองดูความยากลำบากและความทุกข์ในชีวิตของเราว่าเป็นการลงโทษจากพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เราจะต้องถามตัวเองว่า “พระเจ้าทรงต้องการให้ลูกได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้น” “ความทุกข์ยากลำบากในชีวิตที่ได้รับนั้นทำให้ลูกได้เรียนรู้คุณธรรมในเรื่องใด” “ฉันได้เรียนรู้อะไรที่อาดัมและเอวาไม่ได้เรียนรู้ไปบ้าง” “ฉันได้เรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่มีความทุกข์ยากลำบากเช่นเดียวกับตัวของฉันหรือไม่” “ฉันได้เรียนรู้ที่จะไม่พิพากษาตัดสินผู้อื่นโดยเบาความหรือไม่”

20. อาดัมและเอวาผิดพลาดมาแล้วที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ก็ขอให้เราในปัจจุบันนี้อย่าได้ผิดพลาดซ้ำอีก “เจ็บแล้วต้องจำ”

ข่าว-ประชาสัมพันธ์

"ครูคำสอนผู้จาริกแห่งความหวัง” (Pilgrims of Hope)งานชุมนุมครูคำสอนระดับชาติ ครั้งที่ 7 ศูนย์คริสตศาสนธรรมราชบุรีจัดการแสวงบุญให้กับครูคำสอน ในโอกาสไปร่วม งานชุมนุมครูคำสอนระดับชาติ ครั้งที่...
ฟื้นฟูจิตใจให้กับครูคาทอลิกและครูคำสอนในสังฆมณฑลราชบุรี 2568
🎉ฟื้นฟูจิตใจให้กับครูคาทอลิกและครูคำสอนในสังฆมณฑลราชบุรี 2568🌻ครูคาทอลิกผู้จาริกแห่งความหวัง” (Pilgrims of Hope) ศูนย์คริสตศาสนธรรมราชบุรีจัดการฟื้นฟูจิตใจให้กับครูคาทอลิกและครูคำสอนในสังฆมณฑลราชบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ 9 – 10...
“ครูคาทอลิกผู้นำความหวัง” อบรมครูคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี ประจำปีการศึกษา 2568/2025
“ครูคาทอลิกผู้นำความหวัง” อบรมครูคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี ประจำปีการศึกษา 2568/2025 วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี ได้จัดอบรมครูคาทอลิก...

Youcat-คำสอนเยาวชน

Youcat 275 การเคารพพระธาตุ กระทำได้หรือไม่ ?
📍การเคารพพระธาตุ กระทำได้หรือไม่ ?#YOUCAT 275 บอกเราว่า...
Youcat 276 จุดประสงค์ของการจาริกแสวงบุญคืออะไร ?
🩰จุดประสงค์ของการจาริกแสวงบุญคืออะไร ?#YOUCAT 276 บอกเราว่าผู้ที่ไปจาริกแสวงบุญ เป็นการ“ภาวนาด้วยเท้าของเขา”และมีประสบการณ์ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาว่าตลอดทั้งชีวิตของเขาเป็นการเดินทางสู่พระเจ้าที่ยาวนาน...
Youcat 263 ทำไมการแต่งงานจึงเป็นคำสัญญาที่ล้มเลิกไม่ได้ ?
📍ทำไมการแต่งงานจึงเป็นคำสัญญาที่ล้มเลิกไม่ได้ ?#YOUCAT 263 บอกเราว่าการแต่งงาน เป็นคำสัญญาที่ล้มเลิกไม่ได้...

พระวาจานำชีวิต

ทรงเป็นความบริบูรณ์ของทุกสิ่ง
🎉สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พระองค์ทรงเป็นความบริบูรณ์ของทุกสิ่งและเป็นความบริบูรณ์ของเรา📜มารับพระวาจาพระเจ้าไปเสริมกำลังใจในการดำเนินชีวิตเพื่อเราจะได้รับความบริบูรณ์จากพระองค์ด้วย💟พระองค์จะทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้จักหนทางแห่งชีวิต ข้าพเจ้าจะยินดีอย่างเต็มเปี่ยมเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์ ข้าพเจ้าจะมีความสุขตลอดไปเมื่ออยู่เบื้องขวาของพระองค์ (สดด....
คนยากจนนั้นอยู่กับท่านเสมอ
🌈อาทิตย์สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา พระศาสนจักรกำหนดให้เป็น “วันคนยากจนสากล”...
เราแต่ละคนเป็นพระวิหารของพระเจ้า
💒การถวายพระวิหารแด่พระเจ้า ชวนเราให้ตระหนักว่าว่า เราก็เป็นพระวิหารของพระเจ้า ที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ด้วยเช่นกัน📜ให้พระวาจาพระเจ้าเป็นหนทางที่ทำให้เราเหมาะสมกับเป็นที่ประทับของพระองค์💟ข้าพเจ้าขอเพียงสิ่งเดียวจากพระยาห์เวห์ สิ่งเดียวนี้ข้าพเจ้าแสวงหา...

คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน ค.ศ.2020

DC247 วัยก่อนวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่ได้รับในวัยเด็กถูกปรับเปลี่ยนใหม่
📖วัยก่อนวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่ได้รับในวัยเด็กถูกปรับเปลี่ยนใหม่ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่การสอนคำสอนควรมาพร้อมกับการผ่านที่ละเอียดอ่อนนี้ และเป็นไปได้ที่พัฒนาสู่อนาคตด้วยความระมัดระวัง การใฝ่หาความช่วยเหลือจากการวิจัยและเครื่องมือทางวิทยาการของมนุษย์...
DC246 มีสัญญาณหลายอย่างที่เปิดเผยให้เห็นถึงความเป็นวัยก่อนวัยรุ่น
📖มีสัญญาณหลายอย่างที่เปิดเผยให้เห็นถึงความเป็นวัยก่อนวัยรุ่น เป็นช่วงชีวิตที่โดดเด่นด้วยพลังของเรื่องราวการผ่านจากสถานการณ์ที่ปลอดภัยและคุ้นเคยไปจนถึงสิ่งใหม่และยังไม่ได้สำรวจ ในแง่หนึ่ง สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดความเข้มแข็งและความกระตือรือร้น แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เกิดความสับสนและความฉงนสนเท่ห์...

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

เนื้อหา Update ล่าสุด

เนื้อหาและบทเรียน

คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก(CCC)

คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน (ค.ศ. 2020)

คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน (ค.ศ. 2020)

บทเรียน CCP คุณค่าพระวรสาร 21 ประการ

บทเรียน CCP คุณค่าพระวรสาร 21 ประการ

สารคำสอน 184 (ปีการศึกษา2025)

สารคำสอน 184 (ปีการศึกษา2025)

บทเรียน CCP 20 บุคคลในพระคัมภีร์

สารคำสอน 183 (ปีการศึกษา2024)

เรียนคำสอนกับพ่อวัชศิลป์

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์

สถิติการเยี่ยมชม

1.png1.png0.png2.png7.png7.png0.png
วันนี้1781
เมื่อวานนี้3400
สัปดาห์นี้1781
เดือนนี้1781
ทั้งหมด1102770

ขณะนี้มีผู้เยี่ยมชม

9
Online

วันจันทร์, 01 ธันวาคม 2568 12:29